CPN แนวโน้มเติบโต
หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- พฤหัสบดีที่ 7 มีนาคม 2556
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริหารของ CPN ได้อนุมัติการแตกพาร์ที่อัตราส่วน 1:1 และออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 130.4 ล้านหุ้น หลังการแตกพาร์ โดยหุ้นใหม่จะเสนอขายแก่นักลงทุนสถาบัน และ/หรือนักลงทุนเฉพาะเจาะจงผ่านการเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่แก่บุคคล ในวงจำกัด (Private Placement) ทั้งนี้กลุ่มเซ็นทรัลและครอบครัวจิราธิวัฒน์จะไม่เข้าซื้อหุ้นออกใหม่ นี้ เงินที่ได้จากการเพิ่มทุนจำนวน 5.2-6.5 พันล้านบาท? จะนำไปใช้ในการก่อสร้างโครงการใหม่เพิ่มเติมจากแผนเดิมที่จะขยาย สาขา 3-4 แห่งต่อปี จำนวนหุ้นจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.9% แต่กำไรต่อหุ้นจะปรับตัวลดลงเพียงเล็กน้อยและเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ สั้นมาก เนื่องจากผลตอบแทนจากโครงการที่เพิ่มเข้ามาจะกลับมาชดเชยในส่วนนี้ ได้ เราอาจเห็นกำไรต่อหุ้นเพิ่มสูงขึ้นหากโครงการที่เพิ่มเข้ามานั้น เป็นการเข้าซื้อกิจการ
แม้ว่าจะมีเงินทุนที่เพิ่มเข้ามาจากการเสนอขายหุ้นแก่บุคคลในวง จำกัด แผนการขายสินทรัพย์ในส่วนของเซ็นทรัล เชียงใหม่ และเซ็นทรัล รามอินทรา ให้แก่กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNRF) ยังคงดำเนินต่อไป แต่อาจจะเลื่อนออกไปในช่วงปลายไตรมาส 3/56 หรือช่วงต้นไตรมาส 4/56 โดย CPN ยังคงต้องขายสินทรัพย์เข้ากองทุน เนื่องจากมีงบลงทุนสูงถึง 1.4-1.5 หมื่นล้านบาทต่อปี ในช่วงปี 2556-57 และงบลงทุนจำนวน 1 หมื่นล้านบาทสำหรับปี 2558 (ไม่รวมโครงการที่จะเพิ่มเข้ามาใหม่) เราคาดว่ากำไรจากการขายสินทรัพย์จะมีมูลค่าประมาณ 3.8 พันล้านบาท โดยอาจบันทึกเข้ามาในไตรมาส 3/56 หรือ 4/56
หากมองในทางเทคนิคแล้ว การแตกพาร์จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องของหุ้นให้สูงขึ้น นำมาซึ่งความเสี่ยงด้านสภาพคล่องที่ลดลงและ WACC ที่ต่ำลง สำหรับการเพิ่มทุนผ่านวิธีการเสนอขายหุ้นแบบเฉพาะเจาะจง นอกจากจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องขึ้นได้อีก ยังจะช่วยให้ CPN สามารถขยายธุรกิจได้มากขึ้นอีกด้วย ซึ่งจะส่งผลให้กำไรของบริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดดในระยะยาว เราคิดว่าสมมติฐาน terminal growth ที่ 3% หลังจากปี 2563 นั้นค่อนข้างต่ำเกินไป เนื่องจากแผนการขยายธุรกิจในเชิงรุกของ CPN มีแนวโน้มที่จะเร็วขึ้นและต่อเนื่องนานกว่าที่เราคาดไว้ก่อนหน้านี้
ดังนั้นเราจึงปรับเพิ่มสมมติฐาน terminal growth rate เป็น 4% และปรับลด WACC จาก 8.8% ลงมาเป็น 8.4% เนื่องจากความเสี่ยงทางด้านสภาพคล่องที่ลดน้อยลง
จากผลดังกล่าว ราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2556 ของเราจึงเพิ่มขึ้นเป็น 118 บาท จาก 84.50 บาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น