วันพุธที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556
Confirmed: Bangkok’s Central Group will open mall in Shah Alam’s i-City
Posted on
By DANIEL KHOO | danielkhoo@thestar.com.my
SHAH ALAM: Property developer I-Bhd and Thai mall specialist CPN Global Company Ltd have entered into a joint venture to build a 1.5 million sq ft mall in I-Bhd’s flagship development i-City with a gross development value of RM580mil.
I-Bhd would have a 40% stake via i-City Properties Sdn Bhd (ICP) in the joint venture while CPN would have the remainder stake via two locally incorporated companies – CPN Real Estate Sdn Bhd and CPN Malls Malaysia Sdn Bhd.
Construction for the mall will begin next year and is targeted for completion by the end of 2016.
“We are honoured to spur the economy with this agreement, more so given that this is the first fruits of foreign direct investments for the country after the May 5 general election,” founder and executive chairman of I-Bhd Tan Sri Lim Kim Hong said at the signing ceremony to mark the joint venture yesterday.
“At the end of the day, we envisage our shopping mall being a regional shopping paradise that is capable of boosting both the economic development of Shah Alam and Selangor as a whole,” Lim added.
CPN Real Estate, CPN Malls Malaysia and ICP would also enter into a shareholders agreement for the purpose of acquiring a part of the land in i-City to develop the mall.
The mall would be developed on a freehold plot of land measuring 11.12 acres with gross floor area of about 1.5 million sq ft and net leasable areas of 1 million sq ft.
The development marks CPN’s first foray into Malaysia.
“This important decision marks CPN’s first strategic move in Asean and our confidence in the Malaysian economy,” said CPN president and chief executive officer Kobchai Chirathivat.
CPN, according to a press statement, is the largest specialist developer and manager of large-format and integrated shopping centres established in June 1980 and listed since March 1, 1995 on the Stock Exchange of Thailand.
“We believe ICP’s expertise in construction management as well as local market understanding and strong government relations will greatly contribute to the success of this project. In the same way, CPN will contribute our expertise in retail property development to make this project a great success,” Chirathivat said.
The joint venture would be led by CPN while I-Bhd chief executive officer Datuk Eu Hong Chew said the company’s focus would be on developing the rest of i-City.
“We pass it to the experts as we want to focus on developing the rest of i-City. They will take the lead in design, building and managing the mall,” Eu said.
Meanwhile, I-Bhd posted a huge increase of RM4.92mil in net profit for the first quarter ended March 31 compared to RM819,000 a year ago on revenue which rose by 213.82% to RM27.14mil. It said in an announcement to Bursa Malaysia that the earnings were mainly due to profit recognition from ongoing projects of the property development division and the introduction of more theme park games under the leisure division.
วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
บล.เคจีไอ : CPN แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน ที่ 60.00 บ. |
แนวโน้มยังคงสดใส สรุปประเด็นสำคัญ และข่าวล่าสุด - คงคำแนะนำซื้อ โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 60 บาท - คาดว่าอัตราการเช่าพื้นที่จะสูงกว่า 90% จากการเปิดห้างใหม่ในปีนี้ - มีโครงการที่มีศักยภาพสูงรออยู่อีกหลายโครงการ - คาดว่าผลประกอบการปี 2556 จะแข็งแกร่ง คงคำแนะนำซื้อ โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 60 บาท ในการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้ ผู้บริหารได้เล่าถึงผลประกอบการไตรมาสที่ 1/56 ซึ่งดีกว่าที่คาด โดยได้ชูประเด็นเรื่องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของค่าเช่าพื้นที่ และอัตราการเช่าพื้นที่ซึ่งสูงถึง 96% สำหรับในปีนี้ ผู้บริหารตั้งเป้าที่จะเปิดห้างใหม่อีก 3 แห่งโดยมีอัตราการเช่าพื้นที่เกินกว่า 90% จากการที่ได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากกลุ่มที่คาดว่าจะเป็นผู้เช่าพื้นที่ โดยในปัจจุบันบริษัทได้ประกาศว่ามีโครงการ 5 โครงการที่อยู่ในแผนงานในขณะที่เราคาดว่าจะมีเพิ่มอีกหนึ่งแห่งในปี 2557 ซึ่งคาดว่าบริษัทจะประกาศในภายหลัง ทั้งนี้ผู้บริหารยังได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแผนการขยายกิจการซึ่งทางบริษัทจะ เปิดห้างใหม่ 7 แห่งในสามประเทศภายในปี 2563 จากประมาณการในปัจจุบันของเราซึ่งรวมคำนวณห้างที่เปิดใหม่ถึงแค่เพียงปี 2557 เราคาดว่ากำไรของบริษัทในช่วง 5 ปีข้างหน้าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 13% CAGR และเรายังคงประมาณการกำไรปกติปี2556 เอาไว้ที่ 5.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.5% YoY เราคงคำแนะนำซื้อโดยให้ราคาเป้าหมายที่ 60 บาท ซึ่งคำนวณโดยวิธี DCF เอาไว้ที่ 60 บาท คาดว่าอัตราการเช่าพื้นที่จะสูงกว่า 90% จากการเปิดห้างใหม่ 3 แห่ง ในปีนี้CPN ได้เปิดศูนย์การค้าใหม่ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 เมษายน คือเซ็นทรัลพลาซ่าอุบลราชธานี โดยมีอัตราการเช่าพื้นที่ตอนเปิดห้างสูงถึง 91% ซึ่งนับว่าสูงมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 70-80% ในขณะเดียวกัน ผู้บริหารก็มีความมั่นใจว่าห้างอีกสองแห่งที่จะเปิดในไตรมาสที่ 4/56 ซึ่งได้แก่ เซ็นทรัล เฟสติวัลเชียงใหม่ และเซ็นทรัล เฟสติวัล หาดใหญ่ ก็จะมีอัตราการเช่าพื้นที่อยู่ในระดับสูงเช่นเดียวกัน ซึ่งถึงตอนนี้ สัดส่วนยอดจองพื้นที่ต่อจำนวนพื้นที่ปล่อยเช่าทั้งหมดของทั้งสองห้างอยู่ที่ 75% และ 70% ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลมาจากการตอบรับอย่างดีเยี่ยมของกลุ่มที่คาดว่าจะเป็นผู้เช่า พื้นที่มีโครงการที่มีศักยภาพสูงรออยู่อีกหลายโครงการ ถึงแม้ว่าบริษัทจะมีแผนเปิดห้างใหม่หลายแห่งแล้วในปี 2556 แต่บริษัทก็ยังมีแผนที่จะเปิดเพิ่มอีก 3 โครงการ โดยจะเปิด 2 โครงการในปี 2557 ซึ่งได้แก่เซ็นทรัล เฟสติวัล สมุย ซึ่งมีพื้นที่ปล่อยเช่าทั้งหมด 1.93 หมื่นตารางเมตร โดยมีกำหนดเปิดในไตรมาสที่ 1/57 และเซ็นทรัลพลาซ่า ศาลายา ซึ่งมีพื้นที่ปล่อยเช่าทั้งหมด 3.39 หมื่นตารางเมตร โดยมีกำหนดเปิดในไตรมาสที่ 3/57 และอีกหนึ่งห้างคือเซ็นทรัล เวสต์เกต ซึ่งจะเปิดในไตรมาสที่ 2/58 นอกจากนี้ เรายังคาดว่าบริษัทจะเปิดห้างใหม่อีกหนึ่งแห่งในปี 2557 ซึ่งนาจะอยู่ในกระบวนการวางแผนพัฒนาโครงการอยู่ สำหรับในขณะนี้ โครงการที่แยกลุมพินียังคงอยู่ในระหว่างการดำเนินการซึ่งคาดว่าจะสรุปได้ภาย ในเดือนสิงหาคมนี้ โดยสรุปแล้วCPN มีแผนที่จะเปิดห้างใหม่อีก 7 แห่งใน 3 ประเทศภายในปี 2563 ความคืบหน้าของแผนการขยายธุรกิจในภูมิภาคนี้ เมื่อไม่นานมานี้ ผู้บริหารได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกับ I-City Properties SdnBhd (ICP) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ I-Berhad เพื่อร่วมจัดตั้ง Joint Venture ซึ่งCPN จะถือหุ้น 60% เพื่อพัฒนาโครงการศูนย์การค้าใน Shah Alam city ซึ่งอยู่ในรัฐ Selangor ของประเทศมาเลเซียโดยมีมูลค่าโครงการรวม 5.8 พันล้านบาท โครงการนี้จะพัฒนาอยู่บนที่ดินขนาด 11.12 เอเคอร์ (28 ไร่) โดยมีพื้นที่ปล่อยเช่ารวมทั้งสิ้น 8.97 หมื่นตารางเมตร โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถเริ่มงานก่อสร้างได้ภายในปี 2557 และจะเปิดให้บริการได้ในปี 2559 นอกจากนี้ผู้บริหารยังได้เปิดเผยว่า CPN อยู่ในระหว่างการเจรจากับพันธมิตรเพื่อร่วมพัฒนาโครงการศูนย์การค้าใน อินโดนีเซีย และ เวียดนาม ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนภายในปีนี้ ความสำเร็จในการเพิ่มทุนจะช่วยสนับสนุนแผนการขยายธุรกิจ CPN ได้ขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 130.37 ล้านหุ้นโดยวิธี private placementให้กับนักลงทุนต่างประเทศ 60% และอีก 40% ให้กับนักลงทุนสถาบัน ที่ราคา50.75 บาทต่อหุ้น ซึ่งทำให้บริษัทได้เงินรวมแล้ว 6.5 พันล้านบาท ทั้งนี้ผู้บริหารบอกว่าเม็ดเงินส่วนใหญ่ที่ได้จากการเพิ่มทุนรอบนี้ส่วนใหญ่ จะนำไปใช้ในการพัฒนาโครงการเซ็นทรัลเฟสติวัล และ เซ็นทรัลพลาซ่า ศาลายา คาดว่าผลประกอบการปี 2556 จะแข็งแกร่ง เรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2556 เอาไว้ที่ 5.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น34.5% YoY ทั้งนี้การเปิดห้างใหม่สามแห่งและค่าเช่าพื้นที่ที่ขยับเพิ่มขึ้นน่าจะช่วย ให้รายได้ของ CPN เพิ่มขึ้น 14.7% YoY เป็น 1.92 หมื่นล้านบาท ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นน่าจะเพิ่มขึ้นอีก 50 bps เป็น 44.2% ในปี 2556 จาก 43.7%ในปี 2555 ทั้งนี้ผลประกอบการในไตรมาสที่ 1/56 คิดเป็น 28% ของประมาณการกำไรปกติทั้งปีของเรา และเรามองว่าประมาณการของเรายังคงมี upside อยู่อีกเล็กน้อย แต่เรายังคงประมาณการเดิม โดยรอแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2/56 อีกครั้ง เนื่องจากเป็นไตรมาสนอกฤดูกาลขายของปี |
นวพร เชื้อเมืองพาน เรียบเรียง ที่มา: หุ้นอินไซด์ วันที่ : 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 |
วันพุธที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
Central Pattana With 18% upside to our YE13 target price of Bt63
The Nation
Bualuang Securities May 15, 2013
What’s new?
Last night, private placements were made for 130.4m new shares and there were big lot sales of 83.4m existing shares (sold by Khunying Suchitra Mongkolkitti and Mrs Sukanya Promphan) to institutional and specific investors at a price of Bt50.75.
More trading liquidity = more value
The private placements of 130.4m shares (2.9% of paid-up capital) were expected, but the 83.4m shares (1.9% of paid-up capital) sold by two members of Chirathivat family surprised us. The sales by major shareholders might generate negative sentiment toward the stock in the short term, but they will also mean greater trading liquidity, which will ease liquidity risk and WACC.
Enhancing the growth profile
The share dilution of 2.9% is minimal. The proceeds of Bt6.6bn from the cash call should enable CPN to speed up its expansion. We expect the firm to soon announce new projects in addition to those (3-4 malls a year) under its current CAPEX plan, which would enhance its long-term growth profile further. As such, EPS dilution should be only a short-term phenomenon.
Spin-off gain still underway
Although net gearing has fallen to only 0.44x, the plan to spin off the Chiangmai and Ramindra properties to CPNRF remains in place (albeit delayed somewhat to late 3Q13 or early 4Q13). CPN still needs to monetize assets in order to finance huge CAPEX plans of Bt14-15bn/year in FY13-14 and around Bt10bn in FY15 (excluding the additional projects). We estimate a spin-off gain of about Bt3.8bn, to be booked in either 3Q13 or 4Q13.
BUY rating stands
With the private placements completed, we don’t see any obvious negative events that would put downward pressure on the share price within the next 12 months. Indeed, we expect positive new flows/events to prompt earnings forecast and valuation upgrades, such as new project announcements and spin-off gains. As such, if the share price were to decline to a level near the placement price, we think it would present a great opportunity to take or increase positions. With 18% upside to our YE13 target price of Bt63, our BUY rating stands.
Bualuang Securities May 15, 2013
Overnight placement
Central Pattana Plc (CPN)What’s new?
Last night, private placements were made for 130.4m new shares and there were big lot sales of 83.4m existing shares (sold by Khunying Suchitra Mongkolkitti and Mrs Sukanya Promphan) to institutional and specific investors at a price of Bt50.75.
More trading liquidity = more value
The private placements of 130.4m shares (2.9% of paid-up capital) were expected, but the 83.4m shares (1.9% of paid-up capital) sold by two members of Chirathivat family surprised us. The sales by major shareholders might generate negative sentiment toward the stock in the short term, but they will also mean greater trading liquidity, which will ease liquidity risk and WACC.
Enhancing the growth profile
The share dilution of 2.9% is minimal. The proceeds of Bt6.6bn from the cash call should enable CPN to speed up its expansion. We expect the firm to soon announce new projects in addition to those (3-4 malls a year) under its current CAPEX plan, which would enhance its long-term growth profile further. As such, EPS dilution should be only a short-term phenomenon.
Spin-off gain still underway
Although net gearing has fallen to only 0.44x, the plan to spin off the Chiangmai and Ramindra properties to CPNRF remains in place (albeit delayed somewhat to late 3Q13 or early 4Q13). CPN still needs to monetize assets in order to finance huge CAPEX plans of Bt14-15bn/year in FY13-14 and around Bt10bn in FY15 (excluding the additional projects). We estimate a spin-off gain of about Bt3.8bn, to be booked in either 3Q13 or 4Q13.
BUY rating stands
With the private placements completed, we don’t see any obvious negative events that would put downward pressure on the share price within the next 12 months. Indeed, we expect positive new flows/events to prompt earnings forecast and valuation upgrades, such as new project announcements and spin-off gains. As such, if the share price were to decline to a level near the placement price, we think it would present a great opportunity to take or increase positions. With 18% upside to our YE13 target price of Bt63, our BUY rating stands.
วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
CPN ร่วมทุน I-BERHAD ผุดมอลล์ยักษ์ในมาเลเซีย
ASTVผู้จัดการออนไลน์
13 พฤษภาคม 2556
“ซีพีเอ็น” จ่อร่วมทุน I-BERHAD ยักษ์ใหญ่อสังหาฯ แดนเสือเหลือง
พัฒนารีจินัลมอลล์ในรัฐสลังงอร์ มาเลเซีย มูลค่า 5.8 พันล้านบาท
คาดเปิดบริการปี 2559 หวังใช้เป็นก้าวแรกทะยานสู่อาเซียน นายกอบชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น (CPN) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ลงนามเมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมาในหนังสือแสดงความประสงค์เพื่อจะเข้าทำสัญญาร่วมทุนกับ I-City Properties Sdn Bhd หรือ ICP ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ I-Berhad ยักษ์ใหญ่ด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศมาเลเซีย โดยในการร่วมทุนที่จะเกิดขึ้น ICP จะถือหุ้นในสัดส่วน 40% และ CPN โดยบริษัทย่อยที่จะได้จัดตั้งขึ้นในประเทศมาเลเซียจะถือหุ้นในสัดส่วน 60% เพื่อพัฒนาศูนย์การค้าแห่งแรกของซีพีเอ็นในมาเลเซียในรูปแบบรีจินัลมอลล์ มูลค่า 580 ล้านริงกิต หรือประมาณ 5,800 ล้านบาท ในโครงการ i-City ซึ่งเป็น Malaysia Cybercenter (MSC) เมืองเทคโนโลยีแห่งใหม่ของมาเลเซียในเขต 7 ของเมืองชาห์อลัม รัฐสลังงอร์ ครั้งนี้นับเป็นครั้งสำคัญของ CPN กับก้าวแรกในการนำพาธุรกิจของเราไปสู่อาเซียน ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้เราบรรลุวิสัยทัศน์องค์กรในการก้าวไปเป็น นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกระดับภูมิภาค เรามีความมั่นใจในเศรษฐกิจของมาเลเซีย และเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจในประเทศนี้ที่กำลังเติบโตและมีความแข็งแกร่งใน ทุกด้าน โดยเฉพาะเมืองชาห์อลัม เมืองหลวงของรัฐสลังงอร์ ซึ่งมีประชากรมากกว่า 600,000 คน และมีการเติบโตของกลุ่มคนชั้นกลางอย่างรวดเร็ว เราเชื่อมั่นว่าการบริหารโครงการก่อสร้างภายใต้ความเชี่ยวชาญ รวมถึงความเข้าใจตลาด และความสัมพันธ์อันดีกับภาครัฐของ ICP รวมถึงความเชี่ยวชาญของ CPN ที่มีประสบการณ์ด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกด้วยความเป็นผู้ นำของธุรกิจนี้ในประเทศไทยและมีศูนย์การค้าภายใต้การบริหารปัจจุบันรวม 21 แห่งทั่วประเทศ จะช่วยให้การพัฒนาศูนย์การค้าแห่งใหม่นี้ประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี การลงทุนพัฒนาศูนย์การค้าในรูปแบบรีจินัลมอลล์มูลค่าประมาณ 5,800 ล้านบาทในเมืองชาห์อลัม เมืองหลวงของรัฐสลังงอร์ มาเลเซีย เป็นการพัฒนาศูนย์การค้าบนที่ดินฟรีโฮลด์ขนาดกว่า 28 ไร่ มีพื้นที่โครงการทั้งหมด (GFA) ประมาณ 138,000 ตารางเมตร และมีพื้นที่ขาย (NLA) ประมาณ 89,700 ตารางเมตร โดย CPN จะควบคุมการออกแบบ พัฒนาศูนย์การค้า และบริหารศูนย์การค้าแห่งนี้ในฐานะบริษัทบริหารศูนย์การค้า ซึ่งที่นี่จะเป็นศูนย์กลางของไลฟ์สไตล์ทันสมัย ทั้งการชอปปิ้ง บันเทิง และเป็นศูนย์กลางการพบปะของชุมชนในเขตตะวันตกของรัฐสลังงอร์ การก่อสร้างศูนย์การค้าแห่งนี้คาดว่าจะเริ่มในปี 2557 และจะเปิดให้บริการในปี 2559 สำหรับซีพีเอ็นเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย และเป็นบริษัทผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกของประเทศที่ มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาและบริหารศูนย์การค้าและอาคารสำนักงานในประเทศไทย ปัจจุบันบริหารศูนย์การค้าทั้งหมด 21 แห่ง อาคารสำนักงาน 7 แห่ง โรงแรม 2 แห่ง และอาคารที่พักอาศัย 2 แห่ง ส่วน ICP เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในเครือของ I-Berhad ยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ของมาเลเซีย ICP เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เบอร์ซา มาเลเซีย และเป็นผู้พัฒนาโครงการ i-City ซึ่งเป็นเมืองเทคโนโลยีแห่งใหม่ของมาเลเซียบนที่ดินฟรีโฮลด์พื้นที่ประมาณ 182 ไร่ ตั้งอยู่บนทางหลวงหลักของเมือง ซึ่งโครงการนี้ประกอบด้วยศูนย์การค้า อาคารสำนักงานไซเบอร์เซ็นเตอร์ สำนักงานของบริษัทชั้นนำ โรงแรม อาคารที่พักอาศัย และพื้นที่ค้าปลีก |
วันเสาร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
CPN ปี 2556-2560 มีเป้าหมายที่จะสร้างศูนย์การค้าทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศเพิ่มอีก 12 แห่ง ลงทุนไม่น้อยกว่า 5 หมื่นล้านบาท
เซ็นทรัลพัฒนาฯ อสังหาฯ ตระกูลจิราธิวัฒน์
การเติบโตในกลุ่มธุรกิจค้าป ลีกอย่างเซ็นทรัล ของตระกูลจิราธิวัฒน์ ทำให้นอกจากการพัฒนาที่ดินส ำหรับก่อสร้างห้างสรรพสินค้ าแล้ว ตระกูลจิราธิวัฒน์ โดยจัดโครงสร้างธุรกิจในช่ว งปี 2535
แยกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ออ กมาจากธุรกิจค้าปลีกโดยตั้ง บริษัท เซ็นทรัล พัฒนา จำกัด (มหาชน) เข้ามาดูแลการพัฒนาที่ดินเพ ื่อก่อสร้างศูนย์การค้าให้ก ับกลุ่มในขณะที่ บริษัท ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด ดูแลเฉพาะการลงทุนในส่วนของ ห้างสรรพสินค้าภายใต้แบรนด์ เซ็นทรัล
นอกจากการพัฒนาศูนย์การค้าเ พื่อให้เช่าแล้ว บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน) ยังพัฒนาส่วนของอาคารสำนักง าน ที่อยู่อาศัย และโรงแรม ในเครือเซ็นทรัลทั้งหมด ภายใต้การบริหารงานของทายาท รุ่นที่3 ของตระกูล กอบชัย จิราธิวัฒน์ ที่เข้ามารับผิดชอบการบริหา รหลังปี 2540
หลังจากวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 กลุ่มเซ็นทรัล ได้มีการปรับโครงสร้างการบร ิหารกิจการของกลุ่มอย่างชัด เจน โดยแบ่งเป็นกลุ่มห้างสรรพสิ นค้า ที่ดูแลในเรื่องของการบริหา รจัดการห้างสรรพสินค้าของใน เครือทั้งหมดที่มีทั้ง เซ็นทรัล โรบินสัน เซน กลุ่มโรงแรม ที่มีหน้าที่ในการบริหารกิจ การธุรกิจโรงแรม และรับในการบริหารโรงแรมภาย ใต้ชื่อเซ็นทารา กลุ่มธุรกิจการค้าที่รับผิด ชอบในการนำเข้าสินค้าแบรนด์ ต่างๆ และร้านอาหารเข้ามาในห้างสร รพสินค้าและศูนย์การค้าที่ร ับผิดชอบโดย บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (CRC) และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่รับผิดชอบในการก่อสร้างศ ูนย์การค้า โรงแรม อาคารสำนักงาน และที่อยู่อาศัย
การจัดโครงสร้างกลุ่มธุรกิจ ดังกล่าวเพื่อเพิ่มศักยภาพใ นการขยายธุรกิจของกลุ่ม โดยเฉพาะส่วนของพัฒนาอสังหา ริมทรัพย์ ที่ทำให้ กลุ่มเซ็นทรัล มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร ็ว หลังจากปี 2549 ที่เดิมมีศูนย์การค้าเซ็นทร ัล
เพียง 9 แห่งในปี 2540 กับพื้นที่ค้าปลีกประมาณ 500,000 ตารางเมตร เป็น 22
แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด กับพื้นที่ค้าปลีกมากกว่า 3,252,200
ตารางเมตรในปี 2555
และในปี 2556-2560 บริษัทมีเป้าหมายที่จะสร้าง ศูนย์การค้าทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศเพิ่มอีก 12 แห่งมูลค่าเงินลงทุนไม่น้อย กว่า 5 หมื่นล้านบาท การขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่ วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการปรั บโครงสร้างธุรกิจ แยกส่วนของอสังหาริมทรัพย์อ อกมาต่างหาก ทำให้บริษัท สามารถที่จะระดมทุนได้ด้วยต ัวเอง นับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในต ลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 1 มีนาคม 2538 เป็นต้นมา นอกจากการระดมทุนในรูปของหุ ้นผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว บริษัทยังนำเอาศูนย์การค้าแ ต่ละแห่งที่สร้างขึ้นมาและม ีรายได้จากการเช่า มาจัดตั้งเป็นกองทุนอสังหาร ิมทรัพย์ ซึ่งเป็นแหล่งทุนสำคัญที่รอ งรับกับการเติบโตของบริษัท โดยที่คงสัดส่วนหนี้ต่อทุนข องบริษัทให้ไม่เกินอัตรา 2:1 โดยมีสัดส่วนหนี้ต่อทุนอยู่ ที่ 1.75:1 ณ สิ้นสุดเดือนธันวาคม 2555
หลังจากวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 เป็นต้นมา กลุ่มเซ็นทรัล เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ฟื้นตั วอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจค้า ปลีก ด้วยแนวความคิดในการแยกการบ ริหารระหว่างส่วนที่การพัฒน าที่ดินออกจากการบริหารห้าง สรรพสินค้า โดยให้แต่ละกลุ่มธุรกิจมีอิ สระในการบริหารงานเป็นของตั วเอง ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์หลักขอ งกลุ่มที่ต้องการจะขยายเครื อข่ายและสาขาให้ครอบคลุมทุก พื้นที่ในประเทศไทย และขยายเครือข่ายออกไปในต่า งประเทศ เพื่อให้เกิดการประหยัดจากข นาด (economy of scale) และนำเอาเครื่องมือทางการเง ินใหม่ๆ เข้ามาใช้เพื่อเพิ่มสภาพคล่ องทางการเงินให้กับบริษัทเพ ื่อใช้ในการขยายงาน แทนการกู้เงินจากสถาบันการเ งิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเอาร ายได้ในอนาคตจากรายได้จากกา รเช่าพื้นที่ค้าปลีกของศูนย ์การค้าแต่ละแห่งมาจัดตั้งก องทุนอสังหาริมทรัพย์ ทำให้สามารถระดมทุนผ่านการอ อกหน่วยลงทุนในกองทุนอสังหา ริมทรัพย์เพื่อนำมาใช้ในการ ขยายงาน
นอกเหนือจากการก่อสร้างศูนย ์การค้าแล้ว บริษัทยังให้มุ่งพัฒนาโครงก ารที่สร้างรายได้จากการเช่า อย่างอาคารสำนักงาน รวมถึงบางทำเลยังพัฒนาที่อย ู่อาศัยอย่างคอนโดมิเนียม เพื่อขายในพื้นที่ที่มีศักย ภาพอาทิ ทำเลย่านบางนา และล่าสุดคือโครงการที่บางใ หญ่ บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ ก็นำมาพัฒนาทั้งศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน และคอนโดมิเนียม ซึ่งการพัฒนาพื้นที่แต่ละแห ่ง กอบชัย เคยให้สัมภาษณ์ว่า การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประ เภทไหนในแต่ละทำเลขึ้นอยู่ก ับโอกาสมากกว่า โดยเป้าหมายหลักของบริษัทคื อการพัฒนาศูนย์การค้า แต่ถ้าทำเลมีศักยภาพที่จะพั ฒนาเป็นอาคารสำนักงาน โรงแรม หรือที่อยู่อาศัย ก็จะพัฒนาไปตามความเหมาะสม โดยมีเป้าหมายให้บริษัทมีอั ตราการเติบโตไม่น้อยกว่าร้อ ยละ 10 ต่อปี จากรายได้รวม 2.0125 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิ 6.188 พันล้านบาท ในปี 2555
ความสำเร็จในการขยายตัวอย่า งรวดเร็วในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมาของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เป็นผลมาจากการนำเอาบทเรียน จากวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 มาใช้ในการบริหารงานโดยเฉพา ะอย่างยิ่งการบริหารหนี้และ ทุน ด้วยการนำเอาเครื่องมือทางก ารเงินที่ใช้รายได้ในอนาคตม าขยายกิจการผ่านกองทุนรวมอส ังหาริมทรัพย์ เพื่อลดต้นทุนดอกเบี้ยและคว ามเสี่ยงทางการเงิน มาบริหารจัดการให้บริษัทสาม ารถต่อยอดเติบโตได้อย่างมีป ระสิทธิภาพและกลับมาเป็นผู้ นำในตลาดค้าปลีกแซงหน้าคู่แ ข่งที่อยู่ในตลาดปัจจุบัน
การเติบโตในกลุ่มธุรกิจค้าป
แยกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ออ
นอกจากการพัฒนาศูนย์การค้าเ
หลังจากวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 กลุ่มเซ็นทรัล ได้มีการปรับโครงสร้างการบร
การจัดโครงสร้างกลุ่มธุรกิจ
และในปี 2556-2560 บริษัทมีเป้าหมายที่จะสร้าง
หลังจากวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 เป็นต้นมา กลุ่มเซ็นทรัล เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ฟื้นตั
นอกเหนือจากการก่อสร้างศูนย
ความสำเร็จในการขยายตัวอย่า
วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
วันอังคารที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
CPN แตกพาร์ +10.1% บุ๊คกำไรขายสินทรัพย์ ดันงบไตรมาส 3 พีคสุด
ข่าวหุ้น วันอังคารที่ 07 พฤษภาคม 2556
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ปิดเที่ยงที่ 55.75 บาท บวก 3.75 บาท หรือ 7.21% มูลค่าการซื้อขาย 230.80 ล้านบาท ทั้งนี้ ราคาหุ้น CPN แกว่งตัวขึ้นรอบนี้จากระดับราคา 48.75 บาท ขณะที่ตั้งแต่ต้นปีปรับตัวขึ้นแล้วกว่า 37% จากระดับราคา 40.63 บาท ในเชิงเทคนิคราคาหุ้นเข้าเขตซื้อมากเกินไป (RSI=77.36) ล่าสุดราคาหุ้น CPN ซื้อขายที่ระดับ P/E ที่ 36.61 เท่า และP/BV ที่ 8.94 เท่า
ด้านข้อมูลจาก www.settrade.com ระบุว่า บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) จำนวน 3 แห่ง แนะนำ “ซื้อ” โดยให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 113.67 บาท
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์เมื่อวันที่ 3 พ.ค. ว่า คาดกำไรสุทธิ 1Q56 เติบโต 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากค่าเช่าเพิ่มขึ้นและเปิดโครงการใหม่ ผลประกอบการจะขยายตัวต่อเนื่องใน 2Q56 และ สูงสุดของปีในช่วง 3Q56 จากการบันทึกกำไรจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ CPN มีศักยภาพเติบโตยั่งยืนจากการปรับขึ้นค่าเช่า และ การเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น อุบลฯ เชียงใหม่ หาดใหญ่ เปิดปีนี้ สมุย ศาลายา เปิดปี 2557 และ Central Westgate บางใหญ่ เปิดปี 2558 เราคงคำแนะนำ ซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย (DCF) เท่ากับ 115 บาท
(หลังแตกพาร์ราคาเป้าหมาย 57.50 บาท)
บล.กรุงศรีระบุในบทวิเคราะห์เมื่อวันที่ 3 พ.ค. ว่า ปรับเพิ่มคำแนะนำจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ” สำหรับ CPN และปรับเพิ่มมูลค่าพื้นฐานขึ้นจากเดิม 21% มาอยู่ที่ 121 บาท (DCF) จากมุมมองที่ดีขึ้นต่อโอกาสเติบโตในระยะยาว นอกจากนี้เราได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 57-58 ขึ้น 2%-3% สะท้อนแผนการเปิดศูนย์การค้าใหม่สองแห่ง คาดผลประกอบการ 1Q56 ยังเติบโตทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและจากไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่ 2H56 มีแผนนำศูนย์การค้าอีก 2 แห่งเข้ากองทุนรวมสิทธิการเช่า ยังเป็นปัจจัยสนับสนุนการลงทุนทั้งระยะสั้นถึงยาว
CPN ปิดเย็น ที่ 57.25 บาท บวก 5.25 บาท หรือ 10.10 %
CPN เปิด 2 โปรเจ็คใหม่ พร้อมเตรียมลุยอาเซียน มาเล เซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม
หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- ศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม 2556
CPN อัดงบกว่า 7,000 ล้านบาท เปิด 2 โปรเจ็กต์ยักษ์ที่เกาะสมุยและศาลายา หวังรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจ เล็งอีก 5 ปี บุกอาเซียนมากขึ้น ตั้งเป้าสิ้นปีมีรายได้โต 15%
นายกอบชัย จิราธิวิฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (ซีพีเอ็น) เปิดเผยว่า ยุทธศาสตร์บริษัทมีแผน ลงทุนเปิดศูนย์การค้าปีละ 2-3 แห่ง ใช้งบลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท ล่าสุดเตรียมงบลงทุน 7,000 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างศูนย์การค้าใน 2 แห่ง คือเกาะ สมุยและศาลายา โดยที่เกาะ สมุยนั้นจะสร้างศูนย์การค้าภายใต้แบรนด์ "เซ็นทรัลเฟสติวัล สมุย" ใช้งบลงทุนกว่า 3,100 ล้านบาท ตั้งอยู่บนหาดเฉวง พื้น ที่ 37 ไร่ คาดว่าจะเปิดให้บริ การได้ในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2557 และมีแผนขยายโครงการเพิ่มขึ้น เพื่อจัดทำเป็นโรงแรมด้วยพื้นที่ประมาณ 2-3 ไร่ ซึ่งเจาะกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวระดับบน (ไฮเอนด์) ทั้งชาวไทยและต่างชาติ
นายกอบชัย กล่าวว่า สำ หรับโครงการ "เซ็นทรัลพลาซา ศาลายา" ใช้เงินลงทุนกว่า 3,900 ล้านบาท บนพื้นที่ 70 ไร่ สามารถจอดรถได้ถึง 2,000 คัน ซึ่งโครงการดังกล่าวสามารถรอง รับการขยายตัวของเศรษฐกิจที่กำลังมีการขยายตัวสู่ชานเมือง รวมถึงการเติบโตทางด้านเศรษฐ กิจของจังหวัดนครปฐมที่มีตัว เลขที่สูงมาก มีประชากรที่ค่อนข้างมีฐานะอาศัยอยู่จำนวนมาก คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการได้ในไตรมาสที่ 3 ของปีหน้า และคาดว่าจะมีลูกค้ามาใช้บริการไม่ต่ำกว่า 60,000 คนต่อวัน นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะขยายโครงการอีก 4 เฟส เพื่อรองรับการขยายการเติบโตของชุมชนในอนาคตอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ภายในอีก 5 ปีข้างหน้า บริษัทมีแผนที่จะ เปิดศูนย์การค้าในกลุ่มประเทศอาเซียนอีก 2-3 แห่ง คือ มาเล เซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม ซึ่งทางบริษัทฯ มองเห็นถึงศักย ภาพอำนาจและประมาณใน การซื้อของประชากรในประ เทศเหล่านี้มีอัตราที่สูง ซึ่งปัจจุ บันบริษัทมีศูนย์การค้ากระจายอยู่ภายในประเทศทั้งสิ้น 10 จัง หวัด ในอนาคตก็มีแผนที่จะขายต่อไปอีก โดยในปี 2556 ตั้งเป้ารายได้โตจากปีที่ผ่านมา 15%
นายกอบชัย กล่าวถึงกรณีพื้นที่สวนลุมพินี ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการปรับแผน ที่จะเสนอโครงการในช่วงเดือน ส.ค.นี้ ส่วนผลจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับเจ้าของพื้นที่ จะมีความสนใจในโครงการที่ทางบริษัทฯ เสนอไปมากน้อยเพียงใด แต่หากบริษัทฯ ได้พื้นที่ในส่วนนี้ จะนับได้ว่าเป็นโครงการของซีพีเอ็นที่ใหญ่ที่สุด.
CPN เปิดโครง 2 การยักษ์ เซ็นทรัลเฟสติวัล สมุย และ เซ็นทรัลพลาซา ศาลายา มูลค่ากว่า 7,000 ล้าน
ThaiPR.net -- พฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม 2556
วันนี้ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น ประกาศ “ก้าวใหม่ของซีพีเอ็น” ในฐานะที่เป็นองค์กรที่นำการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญของไทย ซึ่งครั้งนี้ซีพีเอ็นเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจ ประกาศการลงทุนบิ๊กโปรเจค 2 โครงการใหม่มูลค่ารวมกว่า 7,000 ล้านบาท บนโลเคชั่นที่ดีที่สุดของประเทศ 2 แห่ง คือ เกาะสมุย ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกของไทย กับโครงการ “เซ็นทรัลเฟสติวัล สมุย” และอีกโครงการ คือ “เซ็นทรัลพลาซา ศาลายา” บนทำเลศักยภาพสูงแห่งอนาคตของกรุงเทพฯ และปริมณฑลฝั่งตะวันตก พร้อมสร้างจุดเปลี่ยนครั้งใหม่ด้วยการนำนวัตกรรมการพัฒนาศูนย์การค้า มาสร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างความแตกต่างให้กับตลาดรีเทลของประเทศไทยกับครั้งแรกของการ พัฒนาศูนย์การค้าในรูปแบบ Theme Mall ระดับโลกที่มีความครบครันและสมบูรณ์แบบที่สุด ในทำเลศักยภาพสูงของประเทศ เพื่อให้ศูนย์การค้าเป็น Recreation Place ให้คนสามารถมาพักผ่อน ใช้ชีวิตในศูนย์การค้า สามารถมาเติมเต็มความสุขของการใช้ชีวิต
คุณกอบชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ของซีพีเอ็น กล่าวว่า “การก้าวไปข้างหน้าแต่ละครั้งของซีพีเอ็นจะต้องเป็นก้าวที่สำคัญและ สร้างความยิ่งใหญ่ ซึ่งครั้งนี้เราเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจบนโลเคชั่นที่ดีที่สุด 2 แห่งของประเทศ ที่มีศักยภาพสูง ทั้งการขยายตัวของเมือง และกลุ่มเป้าหมายกำลังซื้อสูง ซึ่งจะเป็นโอกาสในการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจได้อย่างก้าวกระ โดด ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ซีพีเอ็นจะต้องช่วงชิงโอกาสในการเปิด ศูนย์การค้าในทำเลสำคัญของประเทศก่อนใคร นอกจากนี้อีกก้าวใหม่ของซีพีเอ็น คือ การนำนวัตกรรมการพัฒนาศูนย์การค้ามาสร้างมูลค่าเพิ่มให้แตกต่าง ซึ่งในอนาคตศูนย์การค้าของซีพีเอ็นทุกแห่ง จะมีรูปแบบใหม่ที่ต่างกันไปทุกที่ เพื่อเป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ เติมเต็มไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตให้ผู้บริโภคยุคใหม่มีความสุขยิ่งๆ ขึ้น”
การพัฒนาโครงการ เซ็นทรัลเฟสติวัล สมุย ถือเป็นการช่วงชิงโอกาสทางธุรกิจครั้งสำคัญของซีพีเอ็น บนทำเลที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ เพราะเกาะสมุย เป็น Beach Destination ระดับโลกของไทย ที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงในทุกด้าน การพัฒนาโครงการ เซ็นทรัลเฟสติวัล สมุย จะเป็นการเข้าไปต่อยอดความยิ่งใหญ่ และสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดให้กับเกาะสมุย ที่มีเทรนด์การเติบโตของเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นทุกปี ทั้งตัวเลขนักท่องเที่ยวซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศ ในแถบยุโรป ออสเตรเลีย รัสเซีย และจีนที่มีกำลังซื้อสูง นอกจากนี้ เกาะสมุยยังมีการเติบโตของการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับเป็น บ้านพักตากอากาศสำหรับชาวไทยและชาวต่างชาติ ทั้งโครงการคอนโดมิเนียมที่มีราคาตั้งแต่ระดับ 1 ล้านบาทขึ้นไป จนถึง Luxury Villa ที่มีราคาสูงกว่า 60 ล้านบาท
เซ็นทรัลเฟสติวัล สมุย มีมูลค่าการลงทุนกว่า 3,100 ล้านบาท ตั้งอยู่บนทำเลดีที่สุดบนหาดเฉวง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมและเป็นย่านเศรษฐกิจหลักของสมุย ที่มีโรงแรมชั้นนำอยู่รายรอบ ที่ตั้งโครงการห่างจากสนามบิน เพียง 5 นาที และ 20 นาทีจากท่าเรือ โครงการตั้งอยู่บนที่ดินกว่า 37 ไร่ ขนาดโครงการ 90,000 ตร.ม. โครงการนี้จะเป็นต้นแบบ Theme Mall แห่งแรกของซีพีเอ็น ที่มีความโดดเด่นด้านดีไซน์การออกแบบระดับโลก ให้บรรยากาศการช้อปปิ้งในสไตล์รีสอร์ทในคอนเซ็ปต์ “Reminiscence of Southern Lifestyle” สอดรับกับความเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก สามารถรับอรรถรสในการช้อปปิ้งไปพร้อมๆ กับการพักผ่อน ที่นี่จะเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของสมุย เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ซึ่งมีจุดเด่นที่มาตรฐานโครงการระดับเวิลด์คลาส พร้อมด้วยสุดยอดสินค้าและบริการตอบโจทย์นักท่องเที่ยวได้ครบครัน
เซ็นทรัลเฟสติวัล สมุย มีห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล พร้อมด้วย Tops, PowerBuy, SuperSports, และ B2S เป็น Anchor หลัก เป็นศูนย์รวมร้านค้าแบรนด์ชั้นนำทั้งไทยและอินเตอร์กว่า 200 ร้านค้า มีแบรนด์แฟชั่นระดับโลก และ Night Bazaar รองรับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ ที่นี่จะเป็น Dining Destination แห่งใหม่ที่รวมร้านอาหารหลากหลายรูปแบบที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ เพียบพร้อมด้วยเอนเตอร์เทนเมนต์ โรงภาพยนตร์ ที่ทันสมัย และจะเป็นศูนย์กลางในการจัดกิจกรรมระดับประเทศ เพื่อเป็นการสนับสนุนส่งเสริมการท่องเที่ยว ดึงนักท่องเที่ยวมาที่สมุยอย่างต่อเนื่อง มีกำหนดเปิดในไตรมาส 1 ปี 2557 และเมื่อเปิดให้บริการคาดว่า จะมี Traffic ต่อวันกว่า 35,000 คน
ด้าน เซ็นทรัลพลาซา ศาลายา มีมูลค่าโครงการกว่า 3,900 ล้าน มีพื้นที่โครงการขนาด 180,000 ตร.ม. บนพื้นที่ใหญ่ 70 ไร่ บนถนนบรมราชชนนี ขนาด10 เลน บริเวณศาลายา ระหว่างถนนพุทธมณฑลสาย 5 และ 7 ซึ่งจะรองรับการขยายตัวของกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝั่งตะวันตก ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่อยู่อาศัยที่มีความหนาแน่นสูงในปัจจุบัน เป็นศูนย์กลางการศึกษา แหล่งรวมคนรุ่นใหม่ ที่มีกำลังซื้อสูง และมีแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจในอนาคตจากแผนพัฒนาเขตเศรษฐกิจ ใหม่ รวมถึงการขยายโครงข่ายคมนาคมในอนาคต นอกจากนี้ ที่นี่จะเป็นศูนย์การค้าหลักที่รองรับกำลังซื้อของคนในจังหวัดนครปฐม เซ็นทรัลพลาซา ศาลายา จะเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ในรูปแบบ “Theme Mall” แห่งแรก ที่มีสวนโบทานิคประดับด้วยพรรณไม้นานาชนิด ทั้งแนวราบและแนวดิ่ง ทั่วทั้งศูนย์การค้า โดดเด่นด้วยดอกกล้วยไม้หลากพันธุ์ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ ภายใต้แนวคิด “Contemporary Botanical” นำบรรยากาศ Outdoor เข้าไปไว้ในศูนย์การค้า ให้บรรยากาศเหมือนเดินช้อปปิ้งอยู่ในสวน โดย มีกำหนดเปิประมาณไตรมาส 3 ปี 2557 และเมื่อเปิดให้บริการเราคาดว่า จะมี Traffic ต่อวันกว่า 60,000 คน
คุณยุวดี จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า “สำหรับโปรเจ็คการเปิดโครงการ เซ็นทรัลเฟสติวัล สมุย และ เซ็นทรัลพลาซา ศาลายา ทางห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเอง มีความพร้อมในเรื่องของการคัดสรรสินค้าและบริการที่ดีและทันสมัยที่ สุด เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกันของ 2 สาขา สำหรับสาขาสมุยนั้น มีพื้นที่ประมาณ 8,000 ตารางเมตร ถูกออกแบบและตกแต่งหน้าร้านให้มีความโดดเด่นและทันสมัย เน้นความสดใสและมีชีวิตชีวา เพื่อให้เข้ากับคอนเซ็ปต์หลักของศูนย์การค้าที่มีการตกแต่งใน บรรยากาศ รีสอร์ทระดับโลก ให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงความสะดวกสบายในบรรยากาศแห่งการพักผ่อน กลุ่มเป้าหมายหลักคือกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยและคนในพื้นที่ ส่วนสาขาศาลายามีพื้นที่ประมาณ 24,000 ตารางเมตร มีทั้งหมด 4 ชั้น ซึ่งลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของสาขานี้ เป็นกลุ่มครอบครัวรุ่นใหม่ กลุ่มวัยทำงานและกลุ่มวัยรุ่น โดยพื้นที่รอบๆ ห้างดังกล่าว ถือเป็นทำเลที่มีศักยภาพในการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจสูง มีโครงการที่อยู่อาศัยในระดับ A และ B+ จำนวนมาก รวมถึงสถานศึกษาชั้นนำอย่าง มหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล”
ทั้งนี้ ซีพีเอ็นมองว่าจากนี้ไปเศรษฐกิจและการบริโภคของไทยจะดีขึ้น รวมถึงแนวโน้มธุรกิจค้าปลีกมีสัญญาณที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมีปัจจัยเกื้อหนุนให้ธุรกิจขยายตัวหลายด้าน โดยซีพีเอ็นมีแผนขยายธุรกิจต่อเนื่องทุกปี ด้วยเม็ดเงินลงทุนไม่ต่ำกว่าปีละ 10,000 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจให้โตแบบก้าวกระโดด เสริมความแข็งแกร่งขององค์กร โดยคาดว่าปีนี้บริษัทจะมีรายได้เติบโตประมาณ 15% เมื่อเทียบกับปี 2555
วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2556
เซ็นทรัลพัฒนา จัดแถลงข่าวเปิดบิ๊กโปรเจค “ก้าวใหม่ CPN: The New Chapter”
ThaiPR.net
วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม 2556 เวลา 10.00 น.
นายกอบชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็นจัดแถลงข่าวเปิดบิ๊กโปรเจค “ก้าวใหม่ CPN: The New Chapter” ห้องโลตัส 5-6 ชั้น 22
โรงแรมเซนทาราแกรนด์แอทเซ็นทรัลเวิลด์ ถนนพระราม 1 เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่: มลทิพย์ เจนธรรมพัฒน์ 02-667-5555 ต่อ 4114 /ขวัญใจ แตงบุตร 02-667-5555 ต่อ 4115 แผนกประชาสัมพันธ์ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) โทร. 02-6675555 โทรสาร 0-2264-5575 Call Center 0-2635-1111 pr.ho@cpn.co.th Website: www.centralplaza.co.th
ประวัติ
ชื่อ-สกุล : นาย กอบชัย จิราธิวัฒน์
- เป็นบุตรคนที่ 3 ในจำนวนพี่น้อง 5 คน ของ นายวันชัย และนางสุมาลี จิราธิวัฒน์
- ชื่อพี่น้อง
1. นางจินตนา บุญรัตน์
2. นายวัฒน์ จิราธิวัฒน์
3. นายกอบชัย จิราธิวัฒน์
4. นายศักดิ์ชัย จิราธิวัฒน์
5. นายพิชัย จิราธิวัฒน์
- ภรรยาชื่อ นางนลินี จิราธิวัตน์ มีบุตร-ธิดา 2 คน
- ชื่อบุตร-ธิดา
1. ด.ช.พันธกร จิราธิวัฒน์
2. ด.ญ.นมิดา จิราธิวัฒน์
การศึกษา และดูงาน :
- MBA ที่ NORTEDAM UNIVERSITY INDIANA U.S.A. สาขา PUBLIC AD
- ปริญญาตรี นิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
การทำงาน และตำแหน่งหน้าที่ :
- ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็ลทรัลเทรดดิ้ง จำกัด
- ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็ลทรัลเทรดดิ้ง จำกัด
- รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เซ็ลทรัลเทรดดิ้ง จำกัด
- รองประธานกรรมการ ผลิตภัณฑ์ที่รับผิดชอบ อุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงาน เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์
เครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องครัว บริษัท เซ็ลทรัลเทรดดิ้ง จำกัด
- ผู้อำนวยการฝ่ายอาคาร และทรัพย์สิน บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา
- ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา
- รองกรรมการผู้จัดการใญ่ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา
- ปี 2545 กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)
วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2556
วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2556
CPN กวาดนักช็อปอีสานเปิดเซ็นทรัลพลาซา อุบลฯ
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง -- อาทิตย์ที่ 7 เมษายน 2556
นายกอบชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น กล่าวว่า เซ็นทรัลพลาซา อุบลราชธานี มีมูลค่าการลงทุนกว่า 2,750 ล้านบาท เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา
ถือเป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่มาเติมเต็มศักยภาพของซีพีเอ็นในการเป็น เจ้าตลาดชายแดนอีสาน ครอบคลุมทุกจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ตั้งแต่เซ็นทรัลพลาซา อุดรธานี เซ็นทรัลพลาซา ขอนแก่น และเซ็นทรัลพลาซา อุบลราชธานี ซึ่งอุบลราชธานี ถือเป็นจังหวัดศูนย์กลางของภาคอีสานตอนล่างที่มีศักยภาพสูงในทุกด้าน
"ด้วยอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงต่อเนื่อง สอดรับกับนโยบายการกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนพัฒนาเส้นทางเศรษฐกิจและคมนาคมลุ่มแม่น้ำ โขงที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญ นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นประตูเศรษฐกิจการค้าและการท่องเที่ยวที่สำคัญที่จะ เชื่อมโยงสู่อินโดจีน ทั้งลาว กัมพูชา และเวียดนาม รองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดดเมื่อเปิดประชาคมอาเซียน หรือ AEC ในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย ซึ่งการเข้าไปลงทุนของซีพีเอ็นในครั้งนี้จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และกระตุ้นการจ้างงานอีกกว่า 3,000 อัตรา ซึ่งซีพีเอ็นมุ่งหวังให้ศูนย์การค้าของเราเป็นศูนย์กลางของชุมชม และเป็นสถานที่ที่คนในท้องถิ่นสามารถเข้ามาดำเนินงานของชุมชน สร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น พัฒนาฝีมือแรงงาน รวมถึงศักยภาพในการค้าขาย และการดำเนินธุรกิจ"
เซ็นทรัลพลาซา อุบลราชธานี เป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ที่ทันสมัยและครบครันที่สุด ในภาคอีสานตอนล่าง มีมูลค่าโครงการกว่า 2,750 ล้านบาท ตั้งอยู่บนสุดยอดทำเลใกล้กับประตูการค้าและการท่องเที่ยวสู่อินโด จีน บนถนนเลี่ยงเมือง (ทางหลวง 231) มีขนาดโครงการกว่า 140,000 ตร.ม. บนพื้นที่ 76 ไร่ ที่นี่เป็นศูนย์การค้าที่มีความโดดเด่นทุกด้าน มีรูปแบบอาคารที่ล้ำสมัยโดดเด่นด้วยการประยุกต์ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น เข้ากับสถาปัตยกรรมสมัยใหม่อย่างลงตัว
ด้านสินค้าและบริการเพียบพร้อมด้วยร้านค้าปลีกชั้นนำ ทั้งห้างสรรพสินค้าโรบินสัน, Tops Market, PowerBuy, SuperSports, B2S, OfficeMate ที่ทันสมัยและมีสินค้าครบครัน เป็นแหล่งรวมแบรนด์ดังจากทั่วทุกมุมโลกกว่า 200 ร้านค้า พร้อมเต็มอิ่มอรรถรสกับแหล่งบันเทิงครบวงจร ทั้งอควาเรียมแห่งแรกในอุบลราชธานี ที่จะสร้างความตื่นตาตื่นใจด้วยกองทัพปลาหายากกว่า 300 ตัว ที่จะมานำเสนอความอุดมสมบูรณ์แห่งท้องทะเลสู่ใจกลางเมืองอุบลราชธานี และโรงภาพยนตร์ Major Cineplex ระบบดิจิตอลมาตรฐานระดับโลก 7 โรง รวมถึงสวนสนุก Fun Planet
สำหรับกลยุทธ์ตลาดของซีพีเอ็นในการทำตลาดเปิดศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา อุบลราชธานี จะเน้นการนำนวัตกรรมการตลาดใหม่ๆ มาใช้ และสื่อสารสร้างการรับรู้แบบครบวงจร รวมถึงนำดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง มาเพิ่มมูลค่าให้กับแคมเปญการตลาด มีการผนึกกำลังกับพันธมิตรในการทำโปรโมชั่นและสิทธิพิเศษต่างๆ และเนื่องจากศูนย์การค้าของซีพีเอ็นเน้นการตอบโจทย์ลูกค้าด้านไลฟ์ส ไตล์ ด้วยการนำปรากฏการณ์ใหม่ของชีวิตล้ำสมัยมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ บริโภค ทั้งเทรนด์ศูนย์การค้ารูปแบบใหม่ แบรนด์ยอดนิยม รวมถึงทำหน้าที่เป็น Happiness Hub มอบประสบการณ์ความสุขอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราคาดว่ายอดผู้มาใช้บริการต่อวันจะอยู่ที่ประมาณ 40,000 คน
นายกอบชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น กล่าวว่า เซ็นทรัลพลาซา อุบลราชธานี มีมูลค่าการลงทุนกว่า 2,750 ล้านบาท เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา
ถือเป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่มาเติมเต็มศักยภาพของซีพีเอ็นในการเป็น เจ้าตลาดชายแดนอีสาน ครอบคลุมทุกจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ตั้งแต่เซ็นทรัลพลาซา อุดรธานี เซ็นทรัลพลาซา ขอนแก่น และเซ็นทรัลพลาซา อุบลราชธานี ซึ่งอุบลราชธานี ถือเป็นจังหวัดศูนย์กลางของภาคอีสานตอนล่างที่มีศักยภาพสูงในทุกด้าน
"ด้วยอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงต่อเนื่อง สอดรับกับนโยบายการกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนพัฒนาเส้นทางเศรษฐกิจและคมนาคมลุ่มแม่น้ำ โขงที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญ นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นประตูเศรษฐกิจการค้าและการท่องเที่ยวที่สำคัญที่จะ เชื่อมโยงสู่อินโดจีน ทั้งลาว กัมพูชา และเวียดนาม รองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดดเมื่อเปิดประชาคมอาเซียน หรือ AEC ในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย ซึ่งการเข้าไปลงทุนของซีพีเอ็นในครั้งนี้จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และกระตุ้นการจ้างงานอีกกว่า 3,000 อัตรา ซึ่งซีพีเอ็นมุ่งหวังให้ศูนย์การค้าของเราเป็นศูนย์กลางของชุมชม และเป็นสถานที่ที่คนในท้องถิ่นสามารถเข้ามาดำเนินงานของชุมชน สร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น พัฒนาฝีมือแรงงาน รวมถึงศักยภาพในการค้าขาย และการดำเนินธุรกิจ"
เซ็นทรัลพลาซา อุบลราชธานี เป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ที่ทันสมัยและครบครันที่สุด ในภาคอีสานตอนล่าง มีมูลค่าโครงการกว่า 2,750 ล้านบาท ตั้งอยู่บนสุดยอดทำเลใกล้กับประตูการค้าและการท่องเที่ยวสู่อินโด จีน บนถนนเลี่ยงเมือง (ทางหลวง 231) มีขนาดโครงการกว่า 140,000 ตร.ม. บนพื้นที่ 76 ไร่ ที่นี่เป็นศูนย์การค้าที่มีความโดดเด่นทุกด้าน มีรูปแบบอาคารที่ล้ำสมัยโดดเด่นด้วยการประยุกต์ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น เข้ากับสถาปัตยกรรมสมัยใหม่อย่างลงตัว
ด้านสินค้าและบริการเพียบพร้อมด้วยร้านค้าปลีกชั้นนำ ทั้งห้างสรรพสินค้าโรบินสัน, Tops Market, PowerBuy, SuperSports, B2S, OfficeMate ที่ทันสมัยและมีสินค้าครบครัน เป็นแหล่งรวมแบรนด์ดังจากทั่วทุกมุมโลกกว่า 200 ร้านค้า พร้อมเต็มอิ่มอรรถรสกับแหล่งบันเทิงครบวงจร ทั้งอควาเรียมแห่งแรกในอุบลราชธานี ที่จะสร้างความตื่นตาตื่นใจด้วยกองทัพปลาหายากกว่า 300 ตัว ที่จะมานำเสนอความอุดมสมบูรณ์แห่งท้องทะเลสู่ใจกลางเมืองอุบลราชธานี และโรงภาพยนตร์ Major Cineplex ระบบดิจิตอลมาตรฐานระดับโลก 7 โรง รวมถึงสวนสนุก Fun Planet
สำหรับกลยุทธ์ตลาดของซีพีเอ็นในการทำตลาดเปิดศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา อุบลราชธานี จะเน้นการนำนวัตกรรมการตลาดใหม่ๆ มาใช้ และสื่อสารสร้างการรับรู้แบบครบวงจร รวมถึงนำดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง มาเพิ่มมูลค่าให้กับแคมเปญการตลาด มีการผนึกกำลังกับพันธมิตรในการทำโปรโมชั่นและสิทธิพิเศษต่างๆ และเนื่องจากศูนย์การค้าของซีพีเอ็นเน้นการตอบโจทย์ลูกค้าด้านไลฟ์ส ไตล์ ด้วยการนำปรากฏการณ์ใหม่ของชีวิตล้ำสมัยมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ บริโภค ทั้งเทรนด์ศูนย์การค้ารูปแบบใหม่ แบรนด์ยอดนิยม รวมถึงทำหน้าที่เป็น Happiness Hub มอบประสบการณ์ความสุขอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราคาดว่ายอดผู้มาใช้บริการต่อวันจะอยู่ที่ประมาณ 40,000 คน
วันศุกร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2556
วันอังคารที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556
CPN เล็งเข้าตลาดหุ้นสิงคโปร์ ขึ้นโมเดลแฮงเอาต์หมื่นตร.ม.
24 มี.ค. 2556 เวลา 09:17:12 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
เซ็นทรัล พัฒนาเตรียมแผนงานเติบโตปี 2015-2020 เล็งแต่งตัวตั้งกองทุนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์หวังระดมทุนขยายสาขาต่าง ประเทศ พร้อมปรับพื้นที่ลานด้านหน้าออฟฟิศเซ็นทรัลเวิลด์ ขึ้นโปรเจ็กต์ใหม่ "แฮงเอาต์" เพิ่มพื้นที่รีเทล 1 หมื่น ตร.ม.ตอกย้ำไลฟ์สไตล์ช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ ดีเดย์พร้อมอวดโฉมปลายปี
น.ส.นภา รัตน์ ศรีวรรณวิทย์ รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการเงิน บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น กล่าวถึงทิศทางธุรกิจว่า ยังคงเดินหน้าตามแผนยุทธศาสตร์ 2015 ด้วยการเติบโต 15% และเปิดสาขาใหม่ปีละ 2-3 สาขาต่อเนื่องด้วยงบฯลงทุนเฉลี่ย 1-1.3 หมื่นล้านบาทต่อปี โดยตอนนี้อยู่ในช่วงของการเตรียมยุทธศาสตร์ของอีก 5 ปีข้างหน้า (2016-2020) ไม่เพียงทิศทางการระดมเงินลงทุนในประเทศด้วยการเพิ่มทุนและตั้งกองทุนจาก สาขาในประเทศ แต่ยังรวมถึงการลงทุนในสาขาต่างประเทศ ซึ่งเซ็นทรัลพัฒนามีความสนใจที่จะเข้าไปตั้งกองทุนที่สิงคโปร์ เพื่อระดมทุนรองรับการลงทุนและขยายธุรกิจของซีพีเอ็นในตลาดต่างประเทศใน อนาคต
ทั้งนี้ การขยายธุรกิจในตลาดต่างประเทศจะให้ความสำคัญที่ภูมิภาคอาเซียน โดยเริ่มใน 3 ประเทศหลักที่ให้ความสนใจ คือมาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม ซึ่งความคืบหน้าการเข้าไปลงทุนในมาเลเซียหลังการเซ็นเอ็มโอยูกับพาร์ตเนอร์ ท้องถิ่น (ไอ-เบอฮาร์ด) ขั้นตอนต่อไปก็จะเป็นการเจรจาเพื่อเข้ากระบวนการร่วมทุนและหาข้อสรุปสัดส่วน การถือหุ้น การบริหารจัดการและเงินลงทุนว่าจะเป็นอย่างไร จะเห็นข้อสรุปชัดเจนภายในปีนี้
ส่วนการลงทุนในตลาดเวียดนามและ อินโดนีเซียยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาตลาด ยังไม่ได้มีการเซ็นสัญญา คาดว่าน่าจะเป็นปีหน้าหรือปีถัดไปที่จะเห็นความเคลื่อนไหวที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม สำหรับการลงทุนในตลาดเมืองจีนยังคงมอนิเตอร์ดูจังหวะและโอกาสการลงทุนต่อไป เรื่อย ๆ แต่คงไม่ได้เป็นตัวหลักในการขยายตลาดต่างประเทศของเซ็นทรัลพัฒนา นอกจากนี้ได้เตรียมนำศูนย์การค้าสาขาเชียงใหม่และสาขารามอินทราเข้ากองทุนซี พีเอ็นอาร์เอฟภายในปีนี้ สำหรับกรณีที่ดินสวนลุมยังไม่อยากจะแสดงความเห็นอะไร รอให้ผู้ใหญ่มาชี้แจง แต่ที่บริษัทพอจะบอกได้ คือเซ็นทรัลไม่ได้เป็นคนบอกยกเลิกพื้นที่สวนลุม
"เรา ขอคุยกับทางสำนักทรัพย์สินฯก่อน ขอไปหารือกันอีกที ว่าจะเอาอย่างไร และไปกันอย่างไรต่อ เราสนใจที่จะเข้าชิง เพราะเดิมเราก็ได้อยู่แล้ว ส่วนจะไปในวิธีไหน ก็คงต้องมาว่ากันอีกที ส่วนในเรื่องของความพร้อมด้านเงินลงทุน เรามีพอ รวมถึงมีแผนเรื่องการเพิ่มทุนไว้ มีกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเงินก็คงไม่ได้เป็นปัจจัย"
นอกจากนี้ เซ็นทรัลพัฒนาได้เริ่มปรับพื้นที่ลานด้านหน้าสำนักงานออฟฟิศเซ็นทรัลเวิลด์ (ตรงข้ามสำนักงานตำรวจแห่งชาติ) เพื่อเตรียมการก่อสร้างโครงการใหม่ส่วนต่อขยายเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งจะมีพื้นที่ขายเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1 หมื่น ตร.ม. ด้วยการเพิ่มร้านอาหารกับแฟชั่น เพิ่มความหลากหลายและทางเลือกให้กับตลาด ซึ่งจะพร้อมเปิดให้บริการปลายปีนี้ เช่นเดียวกับการปรับรูปแบบการเช่าพื้นที่ใหม่ด้วยการลดสัดส่วนพื้นที่เช่า ระยะยาวลงและเพิ่มสัดส่วนการเช่าระยะสั้น 3 ปี แทน เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารและจัดสรรพื้นที่ให้เหมาะสมกับสภาพของ ตลาด
การขึ้นโปรเจ็กต์ 1 หมื่น ตร.ม. ส่วนต่อขยายเซ็นทรัลเวิลด์ดังกล่าว สอดคล้องกับแหล่งข่าว 1 ในรายที่เข้าร่วมเช่าพื้นที่โครงการนี้ขยายความว่า เซ็นทรัลพัฒนาต้องการจะพัฒนาโครงการนี้รองรับกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้า เป็นแหล่งนัดพบ พูดคุย แหล่ง "แฮงเอาต์" หลังเวลาเลิกงานของคนรุ่นใหม่-วัยทำงาน และวัยรุ่น โดยรวมร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขนม แบรนด์แฟชั่นที่กำลังฮอตและเป็นที่นิยมทั้งในระดับโลกและในประเทศ รวมถึงแบรนด์ใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยมาเปิดในเมืองไทยเข้ามารวมอยู่ตรงนี้
น.ส.นภา รัตน์ ศรีวรรณวิทย์ รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการเงิน บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น กล่าวถึงทิศทางธุรกิจว่า ยังคงเดินหน้าตามแผนยุทธศาสตร์ 2015 ด้วยการเติบโต 15% และเปิดสาขาใหม่ปีละ 2-3 สาขาต่อเนื่องด้วยงบฯลงทุนเฉลี่ย 1-1.3 หมื่นล้านบาทต่อปี โดยตอนนี้อยู่ในช่วงของการเตรียมยุทธศาสตร์ของอีก 5 ปีข้างหน้า (2016-2020) ไม่เพียงทิศทางการระดมเงินลงทุนในประเทศด้วยการเพิ่มทุนและตั้งกองทุนจาก สาขาในประเทศ แต่ยังรวมถึงการลงทุนในสาขาต่างประเทศ ซึ่งเซ็นทรัลพัฒนามีความสนใจที่จะเข้าไปตั้งกองทุนที่สิงคโปร์ เพื่อระดมทุนรองรับการลงทุนและขยายธุรกิจของซีพีเอ็นในตลาดต่างประเทศใน อนาคต
ทั้งนี้ การขยายธุรกิจในตลาดต่างประเทศจะให้ความสำคัญที่ภูมิภาคอาเซียน โดยเริ่มใน 3 ประเทศหลักที่ให้ความสนใจ คือมาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม ซึ่งความคืบหน้าการเข้าไปลงทุนในมาเลเซียหลังการเซ็นเอ็มโอยูกับพาร์ตเนอร์ ท้องถิ่น (ไอ-เบอฮาร์ด) ขั้นตอนต่อไปก็จะเป็นการเจรจาเพื่อเข้ากระบวนการร่วมทุนและหาข้อสรุปสัดส่วน การถือหุ้น การบริหารจัดการและเงินลงทุนว่าจะเป็นอย่างไร จะเห็นข้อสรุปชัดเจนภายในปีนี้
ส่วนการลงทุนในตลาดเวียดนามและ อินโดนีเซียยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาตลาด ยังไม่ได้มีการเซ็นสัญญา คาดว่าน่าจะเป็นปีหน้าหรือปีถัดไปที่จะเห็นความเคลื่อนไหวที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม สำหรับการลงทุนในตลาดเมืองจีนยังคงมอนิเตอร์ดูจังหวะและโอกาสการลงทุนต่อไป เรื่อย ๆ แต่คงไม่ได้เป็นตัวหลักในการขยายตลาดต่างประเทศของเซ็นทรัลพัฒนา นอกจากนี้ได้เตรียมนำศูนย์การค้าสาขาเชียงใหม่และสาขารามอินทราเข้ากองทุนซี พีเอ็นอาร์เอฟภายในปีนี้ สำหรับกรณีที่ดินสวนลุมยังไม่อยากจะแสดงความเห็นอะไร รอให้ผู้ใหญ่มาชี้แจง แต่ที่บริษัทพอจะบอกได้ คือเซ็นทรัลไม่ได้เป็นคนบอกยกเลิกพื้นที่สวนลุม
"เรา ขอคุยกับทางสำนักทรัพย์สินฯก่อน ขอไปหารือกันอีกที ว่าจะเอาอย่างไร และไปกันอย่างไรต่อ เราสนใจที่จะเข้าชิง เพราะเดิมเราก็ได้อยู่แล้ว ส่วนจะไปในวิธีไหน ก็คงต้องมาว่ากันอีกที ส่วนในเรื่องของความพร้อมด้านเงินลงทุน เรามีพอ รวมถึงมีแผนเรื่องการเพิ่มทุนไว้ มีกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเงินก็คงไม่ได้เป็นปัจจัย"
นอกจากนี้ เซ็นทรัลพัฒนาได้เริ่มปรับพื้นที่ลานด้านหน้าสำนักงานออฟฟิศเซ็นทรัลเวิลด์ (ตรงข้ามสำนักงานตำรวจแห่งชาติ) เพื่อเตรียมการก่อสร้างโครงการใหม่ส่วนต่อขยายเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งจะมีพื้นที่ขายเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1 หมื่น ตร.ม. ด้วยการเพิ่มร้านอาหารกับแฟชั่น เพิ่มความหลากหลายและทางเลือกให้กับตลาด ซึ่งจะพร้อมเปิดให้บริการปลายปีนี้ เช่นเดียวกับการปรับรูปแบบการเช่าพื้นที่ใหม่ด้วยการลดสัดส่วนพื้นที่เช่า ระยะยาวลงและเพิ่มสัดส่วนการเช่าระยะสั้น 3 ปี แทน เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารและจัดสรรพื้นที่ให้เหมาะสมกับสภาพของ ตลาด
การขึ้นโปรเจ็กต์ 1 หมื่น ตร.ม. ส่วนต่อขยายเซ็นทรัลเวิลด์ดังกล่าว สอดคล้องกับแหล่งข่าว 1 ในรายที่เข้าร่วมเช่าพื้นที่โครงการนี้ขยายความว่า เซ็นทรัลพัฒนาต้องการจะพัฒนาโครงการนี้รองรับกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้า เป็นแหล่งนัดพบ พูดคุย แหล่ง "แฮงเอาต์" หลังเวลาเลิกงานของคนรุ่นใหม่-วัยทำงาน และวัยรุ่น โดยรวมร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขนม แบรนด์แฟชั่นที่กำลังฮอตและเป็นที่นิยมทั้งในระดับโลกและในประเทศ รวมถึงแบรนด์ใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยมาเปิดในเมืองไทยเข้ามารวมอยู่ตรงนี้
***เลื่อนงานแถลงข่าว*** เซ็นทรัลพัฒนา จัดงานแถลงข่าว “การประกาศการลงทุนครั้งสำคัญของซีพีเอ็น”
ThaiPR.net -- ศุกร์ที่ 22 มีนาคม 2556
กรุงเทพฯ เซ็นทรัลพัฒนา
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น ขอเรียนเชิญท่านสื่อมวลชนร่วม “ก้าวไปข้างหน้ากับซีพีเอ็น” ในการประกาศการลงทุนครั้งสำคัญล่าสุด เพื่อสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับตลาดรีเทลของประเทศไทย ซึ่งในงาน คุณวัลยา จิราธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจ และบริหารโครงการก่อสร้าง ของ ซีพีเอ็น จะเป็นผู้ให้ข้อมูล ในวันพุธที่ 27 มีนาคม 2556
เวลา 10.00-12.00 น. ณ CentralWorld Live ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
ตามกำหนดการดังนี้
10.30 น. ลงทะเบียนสื่อมวลชน
11.00 น. เริ่มงานแถลงข่าว
คุณวัลยา จิราธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจและบริหารโครงการก่อสร้างบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)
11.45 น. ผู้บริหารตอบข้อซักถามสื่อมวลชน
ถ่ายภาพหมู่ผู้บริหาร
11.50 น. จบงาน
วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2556
คุณวัลยา จิราธิวัฒน์ หญิงเก่งของ CPN
คุณวัลยา จิราธิวัฒน์
วัลยาเป็นลูกสาวคนที่ 21 ของเตียง จิราธิวัฒน์ ที่เกิดกับวิภา ภรรยาคนที่ 3 เป็นเจนเนอเรชั่น 2 ตอนปลาย ที่ผูกพันใกล้ชิดกับเจนเนอเรชั่น 3 ช่วงต้น อย่างกอบชัย จิราธิวัฒน์ ทศ จิราธิวัฒน์ และยุวดี พิจารณ์จิตร ซึ่งกำลังถ่ายทอดให้กับรุ่นที่ 3
Education
-2547 อบรมหลักสูตรด้านการบริหารขั้นสูงสำหรับผู้บริหาร มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐฯ
-2528 ปริญญาโท บริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยฮาร์ทฟอร์ด สหรัฐฯ
-2527 ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนีย ลอสแองเจลลิส (UCLA)
Career Highlights
-2556 รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจ และบริหารโครงการก่อสร้าง ของ ซีพีเอ็น
-2548-ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ โครงการเซ็นทรัลเวิลด์ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)
-2541-2547รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด
-2539-2541 ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต
-2531-2539 กรรมการผู้จัดการ เซ็นทรัล ซูเปอร์มาร์เก็ต
2528-2539 รองผู้อำนวยการ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล
Family บิดา-มารดา เตียง-วิภา จิราธิวัฒน์
เธอให้สัมภาษณ์ ถึงแนวคิดในการทำงาน รวมถึงชีวิตส่วนตัวของเธอ ในฐานะมืออาชีพที่สั่งสมความรู้และประสบการณ์มาอย่างเคี่ยวกรำ น่าสนใจยิ่งนัก
หลังคว้าปริญญาโท MBA จากสหรัฐฯ
เธอเริ่มงานทันทีในวันแรกที่บินกลับมาถึงเมืองไทย ตามคำบอกของสัมฤทธิ์
จิราธิวัฒน์ พี่ชายคนโตของตระกูล กับตำแหน่งผู้จัดการซูเปอร์มาร์เก็ต
สาขาสีลม
“ต้องขอบคุณพี่สัมฤทธิ์มากที่ทำให้เราได้เรียนรู้ธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ต ที่ถือได้ว่าไดนามิกมากๆ โวลุ่มการขายสูงมาก แต่กำไรก็ต่ำ เป็นงานจุกจิก ที่ต้องอาศัยการตัดสินใจที่เด็ดขาด ฉับไว
เธอ ยอมรับว่า ความรู้สึกแรกที่ได้ทำไม่ดีนัก เพราะเรียนจบถึง MBA แต่ต้องมาทำซูเปอร์มาร์เก็ต แต่ในที่สุดเธอก็ทุ่มเทให้กับการทำงาน เปลี่ยนแปลงระบบต่างๆให้เป็นสากล นำระบบบาร์โค้ดมาใช้ เปลี่ยนภาพลักษณ์ของซูเปอร์มาร์เก็ตเมืองไทยให้มีความทันสมัย
ระยะเวลา 12 ปีเต็ม กับการทำซูเปอร์มาร์เก็ต ทำให้เธอได้ทักษะที่ดีติดตัวมาไม่น้อย โดยเฉพาะเรื่องของการตัดสินใจ
“เป็นคน Systematic ตัดสินใจเร็ว มีหลักการคิดตัดสินใจที่ว่า การตัดสินใจถูกต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่ถ้าตัดสินใจผิดบ้าง แต่ตรงเวลา กลับมองว่าดี เพราะหลายๆ คนไม่ยอมตัดสินใจก่อนและปล่อยให้ปัญหาเกิดขึ้นภายหลัง เพราะเขาคิดว่าจะมีโซลูชั่นที่ดีกว่าในอนาคต แต่บางครั้งไม่ได้ คุณต้องตัดสินใจ เพราะมันคือโซลูชั่นที่ดีในในเวลานั้น...การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมดา แต่คนส่วนใหญ่ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงเพราะถ้าทำเหมือนเดิมมันสบาย แต่ส่วนตัวมองว่าต้องทำเพราะถ้าไม่ทำ ในที่สุดก็แพ้คู่แข่ง”
ผลจากความตั้งใจทำงาน ไม่ย่อท้อ บวกกับการเป็นคนตั้งใจทำงาน ทำอะไรทำจริง อดทนและพยายามทำให้ประสบความสำเร็จ ไม่ปล่อยปละละเลย ทำให้เธอได้รับมอบหมายให้ทำงานที่มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ
“ผู้ใหญ่อาจเห็นถึงความตั้งใจ เห็นผลงานของเรา ทำงานมาตั้งแต่ปี 2528 เป็นเวลา 21 ปีแล้ว และผู้ใหญ่มักจะให้งานที่มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ งานนี้เหมือนเราเป็นคอนดักเตอร์ ต้องเมกชัวร์ว่าทุกอย่างเป็นไปตามกลยุทธ์เดียวกัน เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับรายละเอียด มีระบบคิดเป็นขั้นเป็นตอน คิดให้เป็นภาพใหญ่ไม่แยกส่วน”
“ต้องขอบคุณพี่สัมฤทธิ์มากที่ทำให้เราได้เรียนรู้ธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ต ที่ถือได้ว่าไดนามิกมากๆ โวลุ่มการขายสูงมาก แต่กำไรก็ต่ำ เป็นงานจุกจิก ที่ต้องอาศัยการตัดสินใจที่เด็ดขาด ฉับไว
เธอ ยอมรับว่า ความรู้สึกแรกที่ได้ทำไม่ดีนัก เพราะเรียนจบถึง MBA แต่ต้องมาทำซูเปอร์มาร์เก็ต แต่ในที่สุดเธอก็ทุ่มเทให้กับการทำงาน เปลี่ยนแปลงระบบต่างๆให้เป็นสากล นำระบบบาร์โค้ดมาใช้ เปลี่ยนภาพลักษณ์ของซูเปอร์มาร์เก็ตเมืองไทยให้มีความทันสมัย
ระยะเวลา 12 ปีเต็ม กับการทำซูเปอร์มาร์เก็ต ทำให้เธอได้ทักษะที่ดีติดตัวมาไม่น้อย โดยเฉพาะเรื่องของการตัดสินใจ
“เป็นคน Systematic ตัดสินใจเร็ว มีหลักการคิดตัดสินใจที่ว่า การตัดสินใจถูกต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่ถ้าตัดสินใจผิดบ้าง แต่ตรงเวลา กลับมองว่าดี เพราะหลายๆ คนไม่ยอมตัดสินใจก่อนและปล่อยให้ปัญหาเกิดขึ้นภายหลัง เพราะเขาคิดว่าจะมีโซลูชั่นที่ดีกว่าในอนาคต แต่บางครั้งไม่ได้ คุณต้องตัดสินใจ เพราะมันคือโซลูชั่นที่ดีในในเวลานั้น...การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมดา แต่คนส่วนใหญ่ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงเพราะถ้าทำเหมือนเดิมมันสบาย แต่ส่วนตัวมองว่าต้องทำเพราะถ้าไม่ทำ ในที่สุดก็แพ้คู่แข่ง”
ผลจากความตั้งใจทำงาน ไม่ย่อท้อ บวกกับการเป็นคนตั้งใจทำงาน ทำอะไรทำจริง อดทนและพยายามทำให้ประสบความสำเร็จ ไม่ปล่อยปละละเลย ทำให้เธอได้รับมอบหมายให้ทำงานที่มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ
“ผู้ใหญ่อาจเห็นถึงความตั้งใจ เห็นผลงานของเรา ทำงานมาตั้งแต่ปี 2528 เป็นเวลา 21 ปีแล้ว และผู้ใหญ่มักจะให้งานที่มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ งานนี้เหมือนเราเป็นคอนดักเตอร์ ต้องเมกชัวร์ว่าทุกอย่างเป็นไปตามกลยุทธ์เดียวกัน เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับรายละเอียด มีระบบคิดเป็นขั้นเป็นตอน คิดให้เป็นภาพใหญ่ไม่แยกส่วน”
วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2556
CPN from Hard Topic Money Channel
ดูวันที่ 11 มีนาคม 2556
http://www.moneychannel.co.th/0Live_0/programpage.php?listid=5
http://www.moneychannel.co.th/0Live_0/programpage.php?listid=5
วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2556
ต่างชาติไม่ชอบหุ้นไทยแล้วจริงหรือ? 1800 จุดจะไปถึงมั้ย
กรุงเทพธุรกิจ : CEO Blogs
วันที่ 20 มีนาคม 2556 02:00
โดย : ไพบูลย์ นลินทรางกูร
แต่ที่ผมต้องตั้งคำถามแบบนี้ เป็นเพราะตัวเลขการขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา สูงถึง 17,000 ล้านบาท ทำให้ตลอดเกือบ 3 เดือนนับจากต้นปี มีตัวเลขซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ เพียงแค่ 7,500 ล้านบาท หรือประมาณ 250 ล้านดอลลาร์เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าเม็ดเงินกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ ที่ไหลเข้าไปยังตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ และ อีกเกือบ 2,000 ล้านดอลลาร์ ที่เข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ในช่วงเวลาเดียวกัน
ถ้าคิดในเชิงบวกแบบง่ายๆ การขายของต่างชาติในเดือนที่แล้ว ไม่น่าจะมีอะไรมากไปกว่าการปรับพอร์ตการลงทุน เพื่อรักษาน้ำหนักของตลาดหุ้นไทยไม่ให้สูงเกินกว่าระดับที่ต้องการ การที่ตลาดหุ้นไทยเป็น Outperformer หรือปรับขึ้นมากกว่าทุกตลาดในเอเชียในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ส่งผลทำให้สัดส่วนของหุ้นไทยในพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้น โดยอัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น ถ้าเดิมนักลงทุนมีน้ำหนักหุ้นไทยอยู่ที่ 10% ของพอร์ต เวลานี้สัดส่วนของหุ้นไทยในพอร์ตอาจจะเพิ่มขึ้นเป็น 15% เพราะราคาหุ้นไทยขึ้นมากกว่าหุ้นประเทศอื่น สมมุตินักลงทุนรายนั้นต้องการรักษาระดับของหุ้นไทยไว้ไม่ให้เกิน 12% ก็จำเป็นต้องมีการขายหุ้นไทยออกมาบางส่วน นี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งของการขายหุ้นในช่วงที่ผ่านมา
ถ้าจะดูกันแบบลึกลงไปอีกหน่อย ต้องเอาตัวเลขซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติในเดือนที่แล้วมาแกะดูว่า เขาขายหุ้นในกลุ่มไหนออกมามากเป็นพิเศษ เพื่อจะได้วิเคราะห์หาสาเหตุของการขายในรอบนี้ จากการคำนวณของผมพบว่า Sector ที่มีแรงขายของต่างชาติมากที่สุดในเดือนที่แล้วคือ Property มียอดขายสุทธิเกือบ 12,000 ล้านบาท รองลงมาคือ Commerce ขายสุทธิ 9,000 ล้านบาท ตามด้วย ICT ขายสุทธิอีกเกือบ 5,000 ล้านบาท ขณะที่ด้านซื้อสุทธิจะเป็น Banking และ Energy ที่มียอดซื้อสุทธิรวมกันอยู่ที่ประมาณ 6,000 ล้านบาท ตามด้วย Food ซื้อสุทธิอีกประมาณ 1,500 ล้านบาท
การได้เห็นตัวเลขชัดเจนแบบนี้ น่าจะเริ่มเห็นภาพแล้วว่า อะไรเป็นสาเหตุของการขายหุ้นอย่างหนักในเดือนก.พ. หุ้นที่ถูกขายโดยต่างชาติส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มที่เป็น Significant Outperformer หรือมีการปรับขึ้นของราคาหุ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดมาก เช่น Property Sector ปรับขึ้นถึงกว่า 120% ใน 12 เดือนที่ผ่านมา มากกว่า SET Index ที่ปรับขึ้น 34% ถึงเกือบ 4 เท่า หรือ Commerce ที่ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นเกือบ 200% ในช่วง 2 ปีนี้ และหุ้นส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้ ซื้อขายกันที่ค่า Forward P/E ที่สูงกว่าตลาดค่อนข้างมากที่ 25-35 เท่า รวมถึง ICT ที่ปรับขึ้นเกือบ 150% ใน 2 ปี ดูเหมือนว่าราคาหุ้นส่วนใหญ่จะสะท้อนข่าวดีเรื่อง 3G มากแล้ว การที่แรงขายส่วนใหญ่ของนักลงทุนต่างชาติอยู่ในหุ้นกลุ่มที่เป็น Significant Outperformer และกลุ่มที่เริ่มมี Valuations ที่ดูแพง เป็นเรื่องที่ไม่น่ากังวล เพราะนี่เป็นวิธีการปกติของการบริหารพอร์ตลงทุน ไม่ใช่สัญญาณว่าเขาไม่ชอบประเทศไทยแล้ว
ทีนี้เรามาลองดูฝั่งซื้อบ้าง จะเห็นว่าทั้ง 3 กลุ่มที่ต่างชาติซื้อเข้าพอร์ต เป็นกลุ่มที่ราคาหุ้นยังปรับขึ้นไม่มากนัก และไม่ได้ Outperform ตลาดมากมายเช่น Banking และกลุ่มที่เป็น Significant Underperformer เช่น Energy ที่ราคาหุ้นไม่ได้ปรับขึ้นเลยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา รวมไปถึง Food ที่ราคาปรับขึ้นเพียง 24% ซึ่งต่ำกว่า SET Index พอสมควร
สรุปง่ายๆ คือการขายของต่างชาติรอบนี้ เป็นเพียงการ Take Profit ในหุ้นที่ได้กำไรมาก และหุ้นที่เขาอาจจะดูว่าเหลือ Upside ไม่มาก และย้ายเงินเข้ามาลงทุนในหุ้นราคาถูกและหุ้นที่ Underperform การที่นักลงทุนต่างชาติ ยังคงซื้อหุ้นธนาคารพาณิชย์ถือเป็นสัญญาณที่ดี เพราะหมายความว่า เขายังไม่ได้หมดความเชื่อมั่นประเทศไทย เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นคงไม่กล้าซื้อหุ้นธนาคาร หรือ หุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่ม Energy
ที่ค่อนข้างน่าสนใจคือ ถ้าดูตัวเลขการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติสะสมตั้งแต่ต้นปี (Year-to-Date) กลุ่มที่มียอดซื้อสุทธิ เป็นอันดับแรกคือ ICT (ซื้อสุทธิ 16,000 ล้านบาท) ไม่ใช่ Banking แสดงว่ายังมีต่างชาติอีกมากที่เชื่อว่ายังเหลือ Upside อีกเยอะในหุ้นกลุ่มนี้ ตามด้วย Banking (ซื้อสุทธิ 15,000 ล้านบาท) และ Energy (ซื้อสุทธิ 11,000 ล้านบาท) ขณะที่ฝั่งขายสุทธิอันดับต้นๆ ยังคงเป็น Property (ขายสุทธิ 17,000 ล้านบาท) และ Commerce (ขายสุทธิ 12,000 ล้านบาท)
จริงๆ แล้วตัวเลขเหล่านี้ สอดคล้องกับมุมมองของต่างชาติที่ผมได้พบที่ฮ่องกงเมื่อ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ผมได้มีโอกาสร่วมไปกับคณะของนายกรัฐมนตรี และรองนายกฯ กิตติรัตน์ ณ ระนอง ในการเยือนฮ่องกงอย่างเป็นทางการ และนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับเศรษฐกิจและตลาดทุนไทย ให้กับนักลงทุนที่นั่นได้รับทราบ รวมไปถึงนักลงทุนในลอนดอนที่ผมได้เดินทางไปพบเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เกือบทั้งหมดของนักลงทุนที่ผมได้พบในทั้ง 2 ที่ ยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทย และจะสอบถามถึงเรื่องความคืบหน้าของโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 2 ล้านล้านบาทเป็นหลัก โดยประเด็นที่นักลงทุนให้ความสนใจมากที่สุดก็คือ:
1.เงินที่จะใช้ลงทุนในโครงการนี้จะมาจากที่ไหน ซึ่งท่านรองนายกฯ ก็ได้ตอบอย่างชัดเจนว่าส่วนหนึ่งจะมาจากการกู้ในประเทศ และอีกส่วนหนึ่งจะมาจากภาคเอกชนจากนโยบาย PPP
2.การลงทุนมากขนาดนี้จะทำให้ต้องมีการก่อหนี้อย่างมากมายหรือไม่ ซึ่งทางผู้อำนวยการสำนักบริหารหนี้สาธารณะก็ยืนยันว่าระดับหนี้จะไม่เกิน 50% ของ GDP อย่างแน่นอน
3.จะมีมาตรการใดหรือไม่ที่จะนำมาใช้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการล่าช้าใน การดำเนินโครงการนี้ ซึ่งท่านรองนายกฯ ก็รับปากว่าจะดูแลให้เกิดขึ้นตามแผนที่วางไว้ให้ได้ และการที่ภาครัฐออกข่าวอย่างต่อเนื่องก็เป็นเหมือนการผูกมัดไปโดยปริยายว่า จะต้องทำให้ได้ตามแผน
นอกจากเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน นักลงทุนกลุ่มนี้ยังให้ความสนใจเป็นพิเศษกับแนวโน้มเงินเฟ้อของไทย รวมไปถึงนโยบายการเงินของแบงก์ชาติอีกด้วย โดยส่วนตัวแล้ว ผมยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกกับตลาดหุ้นไทย และยังเชื่อเหมือนเดิมว่าก่อนที่ Equity Supercycle รอบนี้จะจบลง มีโอกาสสูงมากที่เราจะได้เห็น SET Index ทำสถิติ New High ใหม่ที่เกิน 1,800 จุด
วันเสาร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2556
สมาคมศูนย์การค้าไทย คาดอีก 5 ปี มีมูลค่าลงทุน 1.2 แสนลบ.เป็น 100 ศูนย์
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม 2556
นายนริศ เชยกลิ่น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชีและสายงานบริหารทรัพย์สิน บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา(CPN) ในฐานะนายกสมาคมศูนย์การค้าไทย คาดว่าใน 5 ปีจะมีมูลค่าลงทุนศูนย์การค้าในประเทศไทยสูงถึง 1.2 แสนล้านบาท และพื้นที่ศูนย์การค้าจะเติบโตปีละ 15-20% หรือมีศูนย์การค้ากว่า 100 แห่ง โดยเทียบศูนย์การค้า 1 แห่ง ต่อประชากร 5 แสนคน จากปัจจุบันไทยมีศูนย์การค้าที่เปิดอย่างเป็นทางการ 74 แห่ง คิดเป็น 1 ศูนย์การค้าต่อประชากร 9 แสนคน เทียบกับประเทศญี่ปุ่นที่มีสัดส่วน 1 ศูนย์การค้าต่อประชากร 4.3 หมื่นคน สะท้อนว่าตลาดในไทยยังเติบโตได้อีกมาก
โดยในช่วงไตรมาส 4/55 ถึงเดือน ม.ค. 56 ผู้ประกอบการ ได้ใช้เงินลงทุนศูนย์การค้าทั้งใหม่และปรับปรุง 30 โครงการ จำนวนเงินลงทุนนรวม 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นศูนย์การค้าในกรุงเทพ 9 โครงการ เชียงใหม่ 10 โครงการ นอกนั้น กระจายในจ.ระยอง พัทยา นนทบุรี ภูเก็ต อยุธยา อุบลราชธานี เพชรบุรี และ หาดใหญ่ เป็นต้น
ขณะที่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ตลาดค้าปลีกไทยขยายใหญ่ขึ้นมาก โดยคาดว่านักลงทุนจากจีน ญี่ปุ่น จะเข้ามาลงทุนในไทย ผู้ประกอบการควรจะรับมือการแข่งขันทั้งเชิงรุกและเชืงรับ
นายนริศ กล่วว่า สมาคมศูนย์การค้าไทยต้องการยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการศูนย์ การค้าไทย เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเป็น Regional Shopping Hub รับ AEC แลกเปลี่ยนความรู้เรื่อ่งเทคโนโลยี กฎหมายข้อบังคับ และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือด้านข้อมูลเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่ง ขันของตลาดในประเทศไทย ดึงดูดผู้ประกอบการต่างชาติ พร้อมสนองต่อการเปิดตลาด AEC ในปี 58
นอกจากนี้ ในโอกาสที่สมาคมศูนย์การค้าไทยครบรอบ 15 ปีในปีนี้สมาคมฯ จะจัดงาน The 1st Thailand Shopping Center Symposium ในเดือน พ.ย. 56 เพื่อขยายองค์ความรู้ธุรกิจศูนย์การค้า และเชิญชวนผู้ประกอบการอื่นๆ มาร่วมเป็นสมาชิก และกำหนดทิศทางธุรกิจในปีหน้า
ทั้งนี้ ฐานข้อมูลของสมาคมฯ จะมีการแบ่งประเภทศูนย์ข้อมูลช้ดเจน เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน ทำให้การพัฒนาและบริหารงานเป็นไปอย่างรวดเร็ว
1.Regional Mall และ Super Regional เป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ มีพื้นที่ให้เช่าตั้งแต่ 40,000 - 100,00 ตารางเมตรขึ้นไป ครอบคลุมกำลังซื้อ 400,000 คนขึ้นไป อาจมีห้างสรรพสินค้า หรือไม่มี ซึ่งในประเทศไทยมีศูนย์การค้าประเภทนี้มากที่สุด
2.Mega Mall เป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ มี Theme Concept ของศูนย์ที่ชัดเจน ของศูนย์ที่ชัดเจน อาจมีหรือไม่มีห้างสรรพสินค้าก็ได้ แต่จะมี anchor หรือผู้เช่ารายใหญ่เป็นแม่เหล็กดึงดูดลูกค้า มีพื้นที่ให้เช่าตั้งแต่ 260,000 ตารางเมตรขึ้นไป ครอบคลุมกำลังซื้อ 1 ล้านคน
3.Community Mall และ Neighborhood Mall ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมของผู้ประกอบการในปัจจุบัน มีพื้นที่ให้เช่าตั้งแต่ 5,000-40,000 ตารางเมตร มีห้างสรรพสินค้าขนาดเล็กอย่างน้อย 1 ห้าง หรืออย่างน้อยต้องมี Super Market ครอบคลุมกำลังซื้อ 5,000-200,000 คน ขึ้นกับขนาดของโครงการ ซึ่งกำลังซื้อมักอาศัยอยู่ในบริเวณรัศมี 4-6 กม.จึงมักเห็น Community Mall ท่ามกลางโครงการหมู่บ้าน และอาจบริหารโดย Residential Development
4.Specialty Mall เป็นศูนย์การค้าที่มีลักษณะธุรกิจเฉพาะ มีพื้นที่ตั้งแต่ 5,000 - 37,500 ตารางเมตร มักไม่มีห้างสรรพสินค้า หรือ Super Market ครอบคลุมกำลังซื้อ 1,000 - 150,000 คน
5.Luxury Mall เป็นศูนย์การค้าที่เจาะกลุ่ม Hi End ประกอบด้วยร้านแบรนด์หรูหรา แบรนด์เนมระดับโลก หรือ Top Brand ในเมืองไทย มักสร้างติดกับโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว ดึงดูดนักท่องเที่ยวและลูกค้าระดับ A+
CPN เปิดศูนย์เซ็นทรัลอุบลฯ 5 เม.ย. ดันเป็นฮับในภาคอีสานตอนล่าง
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 15 มีนาคม 2556
นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า ซีพีเอ็นจะเปิดตัวเซ็นทรัลพลาซา อุบลราชธานี ศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ที่ทันสมัยและครบครันที่สุดในภาค อีสานตอนล่าง ในวันที่ 5 เมษายนนี้อย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งเรามีความตั้งใจที่จะเข้าไปเติมเต็มความยิ่งใหญ่ครบครันให้ กับอุบลราชธานีซึ่งเป็นจังหวัดเศูนย์กลางของภาคอีสานตอนล่างที่มีศักยภาพ สูงในทุกๆ ด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ เกษตรกรรม อุตสาหกรรม รวมถึงเป็นประตูการค้าเชื่อมโยงสู่อินโดจีน ทั้งลาว กัมพูชา และเวียดนาม
"ศูนย์การค้าของเราจะนำปรากฎการณ์ใหม่ของชีวิตล้ำสมัยมาตอบโจทย์ไล ฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ทั้งเทรนด์ศูนย์การค้ารูปแบบใหม่รวมถึงแบรนด์ยอดนิยม"
นอกจากนี้การเข้าไปลงทุนในจังหวัดอุบลราชธานีจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และกระตุ้นการจ้างงานอีกกว่า 3,000 อัตรา ซึ่งซีพีเอ็นมุ่งหวังให้ศูนย์การค้าแห่งนี้เป็นศูนย์กลางของชุมชม เป็นสถานที่ที่คนในท้องถิ่นสามารถเข้ามาดำเนินงานของชุมชน สร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น พัฒนาฝีมือแรงงาน รวมถึงศักยภาพในการค้าขาย และการดำเนินธุรกิจ
เซ็นทรัลพลาซา อุบลราชธานี มีมูลค่าโครงการกว่า 2,750 ล้านบาท ตั้งอยู่บนสุดยอดทำเลใกล้กับประตูการค้าและการท่องเที่ยวสู่อินโด จีน บนถนนเลี่ยงเมือง (ทางหลวง 231) มีขนาดโครงการกว่า 140,000 ตร.ม. บนพื้นที่ 76 ไร่ ที่นี่เป็นศูนย์การค้าที่มีความโดดเด่นทุกด้าน มีรูปแบบอาคารที่ล้ำสมัยโดดเด่นด้วยการประยุกต์ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น เข้ากับสถาปัตยกรรมสมัยใหม่อย่างลงตัว ด้วยเส้นสายของใบบัวและกลีบดอกบัวซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัด ตกแต่งภูมิทัศน์ภายนอกด้วยบ่อบัวนานาชนิดกว่า 30 สายพันธุ์ที่เรียงกันเป็นรูปกลีบดอกบัว การตกแต่งภายในโดดเด่นด้วยประติมา-กรรมที่ได้แรงบันดาลใจจากน้ำตก แสงจันทร์ และลูกยางนา มีจุดถ่ายภาพที่อิงกับศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น อาทิ ม้านั่ง 3 มิติที่จำลองจากภาพเขียนผาแต้ม ดอกบัว และบึงบัว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำจังหวัด
ด้านสินค้าและบริการเพียบพร้อมด้วยร้านค้าปลีกชั้นนำ ทั้งห้างสรรพสินค้าโรบินสัน, Tops Market, PowerBuy, SuperSports, B2S, OfficeMate ที่ทันสมัยและมีสินค้าครบครัน เป็นแหล่งรวมแบรนด์ดังจากทั่วทุกมุมโลกกว่า 200 ร้านค้า ซึ่งรวมถึงแบรนด์ที่มาเปิดเป็นครั้งแรกที่อุบลราชธานี อาทิ Jaspal, MANGO, Lyn, Lyn Around, Accessorize, Charles & Keith รวมทั้งเป็นศูนย์รวมร้านอาหารและคาเฟ่เบเกอรี่อร่อยหลากสไตล์ อาทิ Starbucks, Auntie Anne’s, MK, Sizzler, SUKISHI, SHABUSHI, Yayoi, Kimjuu
เต็มอิ่มอรรถรสกับแหล่งบันเทิงครบวงจรกับ CPN Aquarium อควาเรียมแห่งแรกในอุบลราชธานีที่จะสร้างความตื่นตาตื่นใจด้วยกองทัพ ปลาหายากกว่า 300 ตัวที่จะมานำเสนอความอุดมสมบูรณ์แห่งท้องทะเลสู่ใจกลางเมือง อุบลราชธานี พร้อมด้วยโรงภาพยนตร์ Major Ciniplex ระบบดิจิตอลมาตรฐานระดับโลก 7 โรง และสวนสนุก Fun Planet
นายณัฐกิตติ์ กล่าวว่า กลยุทธ์ตลาดของซีพีเอ็นในการทำตลาดเปิดศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา อุบลราชธานี จะเน้นการนำนวัตกรรมการตลาดใหม่ๆ มาใช้ และสื่อสารสร้างการรับรู้แบบครบวงจร 360 องศา รวมถึงนำดิจิตอล มาร์เก็ตติ้งมาเพิ่มมูลค่าให้กับแคมเปญการตลาด มีการผนึกกำลังกับพันธมิตรในการทำโปรโมชั่นและสิทธิพิเศษต่างๆ
โดยโปรโมชั่นช่วงเปิดศูนย์ฯ นั้นพิเศษสุดถึง 4 ต่อ ต่อที่ 1: ช้อปครบ 500 บาท ลุ้นรางวัลใหญ่ รวม 14 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 1.3 ล้านบาท โดยมีรางวัลใหญ่เป็น รถยนต์ นิสสัน อัลเมร่า ต่อที่ 2: รวมใบเสร็จครบ 500 บาท แล้วสมัครสมาชิก CPN Click ลุ้นรางวัลโดยไม่ต้องกรอกคูปอง รับฟรี CPN Click Mug ต่อที่ 3: ช้อปครบ 3,500 บาท รับฟรี แว่นตากันแดดสุดชิค ช้อปครบ 1,500 บาท รับฟรี Fashionista Bag หรือ Trendy Bag ต่อที่ 4: สิทธิพิเศษจากบัตรเครดิต และพันธมิตรที่ร่วมรายการ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)