วันเสาร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

CPN ปี 2556-2560 มีเป้าหมายที่จะสร้างศูนย์การค้าทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศเพิ่มอีก 12 แห่ง ลงทุนไม่น้อยกว่า 5 หมื่นล้านบาท

เซ็นทรัลพัฒนาฯ อสังหาฯ ตระกูลจิราธิวัฒน์

การเติบโตในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกอย่างเซ็นทรัล ของตระกูลจิราธิวัฒน์ ทำให้นอกจากการพัฒนาที่ดินสำหรับก่อสร้างห้างสรรพสินค้าแล้ว ตระกูลจิราธิวัฒน์ โดยจัดโครงสร้างธุรกิจในช่วงปี 2535

แยกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ออกมาจากธุรกิจค้าปลีกโดยตั้งบริษัท เซ็นทรัล พัฒนา จำกัด (มหาชน) เข้ามาดูแลการพัฒนาที่ดินเพื่อก่อสร้างศูนย์การค้าให้กับกลุ่มในขณะที่ บริษัท ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด ดูแลเฉพาะการลงทุนในส่วนของห้างสรรพสินค้าภายใต้แบรนด์เซ็นทรัล

นอกจากการพัฒนาศูนย์การค้าเพื่อให้เช่าแล้ว บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน) ยังพัฒนาส่วนของอาคารสำนักงาน ที่อยู่อาศัย และโรงแรม ในเครือเซ็นทรัลทั้งหมด ภายใต้การบริหารงานของทายาทรุ่นที่3 ของตระกูล กอบชัย จิราธิวัฒน์ ที่เข้ามารับผิดชอบการบริหารหลังปี 2540

หลังจากวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 กลุ่มเซ็นทรัล ได้มีการปรับโครงสร้างการบริหารกิจการของกลุ่มอย่างชัดเจน โดยแบ่งเป็นกลุ่มห้างสรรพสินค้า ที่ดูแลในเรื่องของการบริหารจัดการห้างสรรพสินค้าของในเครือทั้งหมดที่มีทั้ง เซ็นทรัล โรบินสัน เซน กลุ่มโรงแรม ที่มีหน้าที่ในการบริหารกิจการธุรกิจโรงแรม และรับในการบริหารโรงแรมภายใต้ชื่อเซ็นทารา กลุ่มธุรกิจการค้าที่รับผิดชอบในการนำเข้าสินค้าแบรนด์ต่างๆ และร้านอาหารเข้ามาในห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าที่รับผิดชอบโดย บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (CRC) และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่รับผิดชอบในการก่อสร้างศูนย์การค้า โรงแรม อาคารสำนักงาน และที่อยู่อาศัย

การจัดโครงสร้างกลุ่มธุรกิจดังกล่าวเพื่อเพิ่มศักยภาพในการขยายธุรกิจของกลุ่ม โดยเฉพาะส่วนของพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่ทำให้ กลุ่มเซ็นทรัล มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว หลังจากปี 2549 ที่เดิมมีศูนย์การค้าเซ็นทรัล เพียง 9 แห่งในปี 2540 กับพื้นที่ค้าปลีกประมาณ 500,000 ตารางเมตร เป็น 22 แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด กับพื้นที่ค้าปลีกมากกว่า 3,252,200 ตารางเมตรในปี 2555

และในปี 2556-2560 บริษัทมีเป้าหมายที่จะสร้างศูนย์การค้าทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศเพิ่มอีก 12 แห่งมูลค่าเงินลงทุนไม่น้อยกว่า 5 หมื่นล้านบาท การขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการปรับโครงสร้างธุรกิจ แยกส่วนของอสังหาริมทรัพย์ออกมาต่างหาก ทำให้บริษัท สามารถที่จะระดมทุนได้ด้วยตัวเอง นับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 1 มีนาคม 2538 เป็นต้นมา นอกจากการระดมทุนในรูปของหุ้นผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว บริษัทยังนำเอาศูนย์การค้าแต่ละแห่งที่สร้างขึ้นมาและมีรายได้จากการเช่า มาจัดตั้งเป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นแหล่งทุนสำคัญที่รองรับกับการเติบโตของบริษัท โดยที่คงสัดส่วนหนี้ต่อทุนของบริษัทให้ไม่เกินอัตรา 2:1 โดยมีสัดส่วนหนี้ต่อทุนอยู่ที่ 1.75:1 ณ สิ้นสุดเดือนธันวาคม 2555

หลังจากวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 เป็นต้นมา กลุ่มเซ็นทรัล เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจค้าปลีก ด้วยแนวความคิดในการแยกการบริหารระหว่างส่วนที่การพัฒนาที่ดินออกจากการบริหารห้างสรรพสินค้า โดยให้แต่ละกลุ่มธุรกิจมีอิสระในการบริหารงานเป็นของตัวเอง ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์หลักของกลุ่มที่ต้องการจะขยายเครือข่ายและสาขาให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ในประเทศไทย และขยายเครือข่ายออกไปในต่างประเทศ เพื่อให้เกิดการประหยัดจากขนาด (economy of scale) และนำเอาเครื่องมือทางการเงินใหม่ๆ เข้ามาใช้เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้กับบริษัทเพื่อใช้ในการขยายงาน แทนการกู้เงินจากสถาบันการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเอารายได้ในอนาคตจากรายได้จากการเช่าพื้นที่ค้าปลีกของศูนย์การค้าแต่ละแห่งมาจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ทำให้สามารถระดมทุนผ่านการออกหน่วยลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์เพื่อนำมาใช้ในการขยายงาน

นอกเหนือจากการก่อสร้างศูนย์การค้าแล้ว บริษัทยังให้มุ่งพัฒนาโครงการที่สร้างรายได้จากการเช่าอย่างอาคารสำนักงาน รวมถึงบางทำเลยังพัฒนาที่อยู่อาศัยอย่างคอนโดมิเนียม เพื่อขายในพื้นที่ที่มีศักยภาพอาทิ ทำเลย่านบางนา และล่าสุดคือโครงการที่บางใหญ่ บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ ก็นำมาพัฒนาทั้งศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน และคอนโดมิเนียม ซึ่งการพัฒนาพื้นที่แต่ละแห่ง กอบชัย เคยให้สัมภาษณ์ว่า การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทไหนในแต่ละทำเลขึ้นอยู่กับโอกาสมากกว่า โดยเป้าหมายหลักของบริษัทคือการพัฒนาศูนย์การค้า แต่ถ้าทำเลมีศักยภาพที่จะพัฒนาเป็นอาคารสำนักงาน โรงแรม หรือที่อยู่อาศัย ก็จะพัฒนาไปตามความเหมาะสม โดยมีเป้าหมายให้บริษัทมีอัตราการเติบโตไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ต่อปี จากรายได้รวม 2.0125 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิ 6.188 พันล้านบาท ในปี 2555

ความสำเร็จในการขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมาของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เป็นผลมาจากการนำเอาบทเรียนจากวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 มาใช้ในการบริหารงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริหารหนี้และทุน ด้วยการนำเอาเครื่องมือทางการเงินที่ใช้รายได้ในอนาคตมาขยายกิจการผ่านกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เพื่อลดต้นทุนดอกเบี้ยและความเสี่ยงทางการเงิน มาบริหารจัดการให้บริษัทสามารถต่อยอดเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพและกลับมาเป็นผู้นำในตลาดค้าปลีกแซงหน้าคู่แข่งที่อยู่ในตลาดปัจจุบัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น