วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

 บล.เคจีไอ : CPN แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน ที่ 60.00 บ.
แนวโน้มยังคงสดใส
สรุปประเด็นสำคัญ และข่าวล่าสุด
- คงคำแนะนำซื้อ โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 60 บาท
- คาดว่าอัตราการเช่าพื้นที่จะสูงกว่า 90% จากการเปิดห้างใหม่ในปีนี้
- มีโครงการที่มีศักยภาพสูงรออยู่อีกหลายโครงการ
- คาดว่าผลประกอบการปี 2556 จะแข็งแกร่ง

คงคำแนะนำซื้อ โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 60 บาท

ในการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้ ผู้บริหารได้เล่าถึงผลประกอบการไตรมาสที่ 1/56 ซึ่งดีกว่าที่คาด โดยได้ชูประเด็นเรื่องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของค่าเช่าพื้นที่ และอัตราการเช่าพื้นที่ซึ่งสูงถึง 96% สำหรับในปีนี้ ผู้บริหารตั้งเป้าที่จะเปิดห้างใหม่อีก 3 แห่งโดยมีอัตราการเช่าพื้นที่เกินกว่า 90% จากการที่ได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากกลุ่มที่คาดว่าจะเป็นผู้เช่าพื้นที่ โดยในปัจจุบันบริษัทได้ประกาศว่ามีโครงการ 5 โครงการที่อยู่ในแผนงานในขณะที่เราคาดว่าจะมีเพิ่มอีกหนึ่งแห่งในปี 2557 ซึ่งคาดว่าบริษัทจะประกาศในภายหลัง ทั้งนี้ผู้บริหารยังได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแผนการขยายกิจการซึ่งทางบริษัทจะ เปิดห้างใหม่ 7 แห่งในสามประเทศภายในปี 2563 จากประมาณการในปัจจุบันของเราซึ่งรวมคำนวณห้างที่เปิดใหม่ถึงแค่เพียงปี 2557 เราคาดว่ากำไรของบริษัทในช่วง 5 ปีข้างหน้าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 13% CAGR และเรายังคงประมาณการกำไรปกติปี2556 เอาไว้ที่ 5.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.5% YoY เราคงคำแนะนำซื้อโดยให้ราคาเป้าหมายที่ 60 บาท ซึ่งคำนวณโดยวิธี DCF เอาไว้ที่ 60 บาท

คาดว่าอัตราการเช่าพื้นที่จะสูงกว่า 90% จากการเปิดห้างใหม่ 3 แห่ง ในปีนี้CPN ได้เปิดศูนย์การค้าใหม่ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 เมษายน คือเซ็นทรัลพลาซ่าอุบลราชธานี โดยมีอัตราการเช่าพื้นที่ตอนเปิดห้างสูงถึง 91% ซึ่งนับว่าสูงมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 70-80% ในขณะเดียวกัน ผู้บริหารก็มีความมั่นใจว่าห้างอีกสองแห่งที่จะเปิดในไตรมาสที่ 4/56 ซึ่งได้แก่ เซ็นทรัล เฟสติวัลเชียงใหม่ และเซ็นทรัล เฟสติวัล หาดใหญ่ ก็จะมีอัตราการเช่าพื้นที่อยู่ในระดับสูงเช่นเดียวกัน ซึ่งถึงตอนนี้ สัดส่วนยอดจองพื้นที่ต่อจำนวนพื้นที่ปล่อยเช่าทั้งหมดของทั้งสองห้างอยู่ที่ 75% และ 70% ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลมาจากการตอบรับอย่างดีเยี่ยมของกลุ่มที่คาดว่าจะเป็นผู้เช่า พื้นที่มีโครงการที่มีศักยภาพสูงรออยู่อีกหลายโครงการ

ถึงแม้ว่าบริษัทจะมีแผนเปิดห้างใหม่หลายแห่งแล้วในปี 2556 แต่บริษัทก็ยังมีแผนที่จะเปิดเพิ่มอีก 3 โครงการ โดยจะเปิด 2 โครงการในปี 2557 ซึ่งได้แก่เซ็นทรัล เฟสติวัล สมุย ซึ่งมีพื้นที่ปล่อยเช่าทั้งหมด 1.93 หมื่นตารางเมตร โดยมีกำหนดเปิดในไตรมาสที่ 1/57 และเซ็นทรัลพลาซ่า ศาลายา ซึ่งมีพื้นที่ปล่อยเช่าทั้งหมด 3.39 หมื่นตารางเมตร โดยมีกำหนดเปิดในไตรมาสที่ 3/57 และอีกหนึ่งห้างคือเซ็นทรัล เวสต์เกต ซึ่งจะเปิดในไตรมาสที่ 2/58 นอกจากนี้ เรายังคาดว่าบริษัทจะเปิดห้างใหม่อีกหนึ่งแห่งในปี 2557 ซึ่งนาจะอยู่ในกระบวนการวางแผนพัฒนาโครงการอยู่ สำหรับในขณะนี้ โครงการที่แยกลุมพินียังคงอยู่ในระหว่างการดำเนินการซึ่งคาดว่าจะสรุปได้ภาย ในเดือนสิงหาคมนี้ โดยสรุปแล้วCPN มีแผนที่จะเปิดห้างใหม่อีก 7 แห่งใน 3 ประเทศภายในปี 2563

ความคืบหน้าของแผนการขยายธุรกิจในภูมิภาคนี้

เมื่อไม่นานมานี้ ผู้บริหารได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกับ I-City Properties SdnBhd (ICP) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ I-Berhad เพื่อร่วมจัดตั้ง Joint Venture ซึ่งCPN จะถือหุ้น 60% เพื่อพัฒนาโครงการศูนย์การค้าใน Shah Alam city ซึ่งอยู่ในรัฐ Selangor ของประเทศมาเลเซียโดยมีมูลค่าโครงการรวม 5.8 พันล้านบาท โครงการนี้จะพัฒนาอยู่บนที่ดินขนาด 11.12 เอเคอร์ (28 ไร่) โดยมีพื้นที่ปล่อยเช่ารวมทั้งสิ้น 8.97 หมื่นตารางเมตร โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถเริ่มงานก่อสร้างได้ภายในปี 2557 และจะเปิดให้บริการได้ในปี 2559 นอกจากนี้ผู้บริหารยังได้เปิดเผยว่า CPN อยู่ในระหว่างการเจรจากับพันธมิตรเพื่อร่วมพัฒนาโครงการศูนย์การค้าใน อินโดนีเซีย และ เวียดนาม ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนภายในปีนี้

ความสำเร็จในการเพิ่มทุนจะช่วยสนับสนุนแผนการขยายธุรกิจ

CPN ได้ขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 130.37 ล้านหุ้นโดยวิธี private placementให้กับนักลงทุนต่างประเทศ 60% และอีก 40% ให้กับนักลงทุนสถาบัน ที่ราคา50.75 บาทต่อหุ้น ซึ่งทำให้บริษัทได้เงินรวมแล้ว 6.5 พันล้านบาท ทั้งนี้ผู้บริหารบอกว่าเม็ดเงินส่วนใหญ่ที่ได้จากการเพิ่มทุนรอบนี้ส่วนใหญ่ จะนำไปใช้ในการพัฒนาโครงการเซ็นทรัลเฟสติวัล และ เซ็นทรัลพลาซ่า ศาลายา

คาดว่าผลประกอบการปี 2556 จะแข็งแกร่ง

เรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2556 เอาไว้ที่ 5.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น34.5% YoY ทั้งนี้การเปิดห้างใหม่สามแห่งและค่าเช่าพื้นที่ที่ขยับเพิ่มขึ้นน่าจะช่วย ให้รายได้ของ CPN เพิ่มขึ้น 14.7% YoY เป็น 1.92 หมื่นล้านบาท ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นน่าจะเพิ่มขึ้นอีก 50 bps เป็น 44.2% ในปี 2556 จาก 43.7%ในปี 2555 ทั้งนี้ผลประกอบการในไตรมาสที่ 1/56 คิดเป็น 28% ของประมาณการกำไรปกติทั้งปีของเรา และเรามองว่าประมาณการของเรายังคงมี upside อยู่อีกเล็กน้อย แต่เรายังคงประมาณการเดิม โดยรอแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2/56 อีกครั้ง เนื่องจากเป็นไตรมาสนอกฤดูกาลขายของปี
    

นวพร เชื้อเมืองพาน เรียบเรียง

ที่มา: หุ้นอินไซด์


วันที่ : 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

วันพุธที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

Central Pattana With 18% upside to our YE13 target price of Bt63

The Nation
Bualuang Securities May 15, 2013



Overnight placement

Central Pattana Plc (CPN)

What’s new?

Last night, private placements were made for 130.4m new shares and there were big lot sales of 83.4m existing shares (sold by Khunying Suchitra Mongkolkitti and Mrs Sukanya Promphan) to institutional and specific investors at a price of Bt50.75.

More trading liquidity = more value

The private placements of 130.4m shares (2.9% of paid-up capital) were expected, but the 83.4m shares (1.9% of paid-up capital) sold by two members of Chirathivat family surprised us. The sales by major shareholders might generate negative sentiment toward the stock in the short term, but they will also mean greater trading liquidity, which will ease liquidity risk and WACC.

Enhancing the growth profile

The share dilution of 2.9% is minimal. The proceeds of Bt6.6bn from the cash call should enable CPN to speed up its expansion. We expect the firm to soon announce new projects in addition to those (3-4 malls a year) under its current CAPEX plan, which would enhance its long-term growth profile further. As such, EPS dilution should be only a short-term phenomenon.

Spin-off gain still underway

Although net gearing has fallen to only 0.44x, the plan to spin off the Chiangmai and Ramindra properties to CPNRF remains in place (albeit delayed somewhat to late 3Q13 or early 4Q13). CPN still needs to monetize assets in order to finance huge CAPEX plans of Bt14-15bn/year in FY13-14 and around Bt10bn in FY15 (excluding the additional projects). We estimate a spin-off gain of about Bt3.8bn, to be booked in either 3Q13 or 4Q13.

BUY rating stands

With the private placements completed, we don’t see any obvious negative events that would put downward pressure on the share price within the next 12 months. Indeed, we expect positive new flows/events to prompt earnings forecast and valuation upgrades, such as new project announcements and spin-off gains. As such, if the share price were to decline to a level near the placement price, we think it would present a great opportunity to take or increase positions. With 18% upside to our YE13 target price of Bt63, our BUY rating stands.

วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

i-City Mall Malaysia open 2016




I-Berhad signs MoU with Thai retail developer to set up i-City Mall



CPN ร่วมทุน I-BERHAD ผุดมอลล์ยักษ์ในมาเลเซีย



ASTVผู้จัดการออนไลน์
13 พฤษภาคม 2556
 “ซีพีเอ็น” จ่อร่วมทุน I-BERHAD ยักษ์ใหญ่อสังหาฯ แดนเสือเหลือง พัฒนารีจินัลมอลล์ในรัฐสลังงอร์ มาเลเซีย มูลค่า 5.8 พันล้านบาท คาดเปิดบริการปี 2559 หวังใช้เป็นก้าวแรกทะยานสู่อาเซียน
      
       นายกอบชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น (CPN) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ลงนามเมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมาในหนังสือแสดงความประสงค์เพื่อจะเข้าทำสัญญาร่วมทุนกับ I-City Properties Sdn Bhd หรือ ICP ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ I-Berhad ยักษ์ใหญ่ด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศมาเลเซีย โดยในการร่วมทุนที่จะเกิดขึ้น ICP จะถือหุ้นในสัดส่วน 40% และ CPN โดยบริษัทย่อยที่จะได้จัดตั้งขึ้นในประเทศมาเลเซียจะถือหุ้นในสัดส่วน 60% เพื่อพัฒนาศูนย์การค้าแห่งแรกของซีพีเอ็นในมาเลเซียในรูปแบบรีจินัลมอลล์ มูลค่า 580 ล้านริงกิต หรือประมาณ 5,800 ล้านบาท ในโครงการ i-City ซึ่งเป็น Malaysia Cybercenter (MSC) เมืองเทคโนโลยีแห่งใหม่ของมาเลเซียในเขต 7 ของเมืองชาห์อลัม รัฐสลังงอร์
      
       ครั้งนี้นับเป็นครั้งสำคัญของ CPN กับก้าวแรกในการนำพาธุรกิจของเราไปสู่อาเซียน ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้เราบรรลุวิสัยทัศน์องค์กรในการก้าวไปเป็น นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกระดับภูมิภาค เรามีความมั่นใจในเศรษฐกิจของมาเลเซีย และเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจในประเทศนี้ที่กำลังเติบโตและมีความแข็งแกร่งใน ทุกด้าน โดยเฉพาะเมืองชาห์อลัม เมืองหลวงของรัฐสลังงอร์ ซึ่งมีประชากรมากกว่า 600,000 คน และมีการเติบโตของกลุ่มคนชั้นกลางอย่างรวดเร็ว เราเชื่อมั่นว่าการบริหารโครงการก่อสร้างภายใต้ความเชี่ยวชาญ รวมถึงความเข้าใจตลาด และความสัมพันธ์อันดีกับภาครัฐของ ICP รวมถึงความเชี่ยวชาญของ CPN ที่มีประสบการณ์ด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกด้วยความเป็นผู้ นำของธุรกิจนี้ในประเทศไทยและมีศูนย์การค้าภายใต้การบริหารปัจจุบันรวม 21 แห่งทั่วประเทศ จะช่วยให้การพัฒนาศูนย์การค้าแห่งใหม่นี้ประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี
      
       การลงทุนพัฒนาศูนย์การค้าในรูปแบบรีจินัลมอลล์มูลค่าประมาณ 5,800 ล้านบาทในเมืองชาห์อลัม เมืองหลวงของรัฐสลังงอร์ มาเลเซีย เป็นการพัฒนาศูนย์การค้าบนที่ดินฟรีโฮลด์ขนาดกว่า 28 ไร่ มีพื้นที่โครงการทั้งหมด (GFA) ประมาณ 138,000 ตารางเมตร และมีพื้นที่ขาย (NLA) ประมาณ 89,700 ตารางเมตร โดย CPN จะควบคุมการออกแบบ พัฒนาศูนย์การค้า และบริหารศูนย์การค้าแห่งนี้ในฐานะบริษัทบริหารศูนย์การค้า ซึ่งที่นี่จะเป็นศูนย์กลางของไลฟ์สไตล์ทันสมัย ทั้งการชอปปิ้ง บันเทิง และเป็นศูนย์กลางการพบปะของชุมชนในเขตตะวันตกของรัฐสลังงอร์ การก่อสร้างศูนย์การค้าแห่งนี้คาดว่าจะเริ่มในปี 2557 และจะเปิดให้บริการในปี 2559
      
       สำหรับซีพีเอ็นเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย และเป็นบริษัทผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกของประเทศที่ มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาและบริหารศูนย์การค้าและอาคารสำนักงานในประเทศไทย ปัจจุบันบริหารศูนย์การค้าทั้งหมด 21 แห่ง อาคารสำนักงาน 7 แห่ง โรงแรม 2 แห่ง และอาคารที่พักอาศัย 2 แห่ง
      
       ส่วน ICP เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในเครือของ I-Berhad ยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ของมาเลเซีย ICP เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เบอร์ซา มาเลเซีย และเป็นผู้พัฒนาโครงการ i-City ซึ่งเป็นเมืองเทคโนโลยีแห่งใหม่ของมาเลเซียบนที่ดินฟรีโฮลด์พื้นที่ประมาณ 182 ไร่ ตั้งอยู่บนทางหลวงหลักของเมือง ซึ่งโครงการนี้ประกอบด้วยศูนย์การค้า อาคารสำนักงานไซเบอร์เซ็นเตอร์ สำนักงานของบริษัทชั้นนำ โรงแรม อาคารที่พักอาศัย และพื้นที่ค้าปลี

วันเสาร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

CPN ปี 2556-2560 มีเป้าหมายที่จะสร้างศูนย์การค้าทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศเพิ่มอีก 12 แห่ง ลงทุนไม่น้อยกว่า 5 หมื่นล้านบาท

เซ็นทรัลพัฒนาฯ อสังหาฯ ตระกูลจิราธิวัฒน์

การเติบโตในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกอย่างเซ็นทรัล ของตระกูลจิราธิวัฒน์ ทำให้นอกจากการพัฒนาที่ดินสำหรับก่อสร้างห้างสรรพสินค้าแล้ว ตระกูลจิราธิวัฒน์ โดยจัดโครงสร้างธุรกิจในช่วงปี 2535

แยกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ออกมาจากธุรกิจค้าปลีกโดยตั้งบริษัท เซ็นทรัล พัฒนา จำกัด (มหาชน) เข้ามาดูแลการพัฒนาที่ดินเพื่อก่อสร้างศูนย์การค้าให้กับกลุ่มในขณะที่ บริษัท ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด ดูแลเฉพาะการลงทุนในส่วนของห้างสรรพสินค้าภายใต้แบรนด์เซ็นทรัล

นอกจากการพัฒนาศูนย์การค้าเพื่อให้เช่าแล้ว บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน) ยังพัฒนาส่วนของอาคารสำนักงาน ที่อยู่อาศัย และโรงแรม ในเครือเซ็นทรัลทั้งหมด ภายใต้การบริหารงานของทายาทรุ่นที่3 ของตระกูล กอบชัย จิราธิวัฒน์ ที่เข้ามารับผิดชอบการบริหารหลังปี 2540

หลังจากวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 กลุ่มเซ็นทรัล ได้มีการปรับโครงสร้างการบริหารกิจการของกลุ่มอย่างชัดเจน โดยแบ่งเป็นกลุ่มห้างสรรพสินค้า ที่ดูแลในเรื่องของการบริหารจัดการห้างสรรพสินค้าของในเครือทั้งหมดที่มีทั้ง เซ็นทรัล โรบินสัน เซน กลุ่มโรงแรม ที่มีหน้าที่ในการบริหารกิจการธุรกิจโรงแรม และรับในการบริหารโรงแรมภายใต้ชื่อเซ็นทารา กลุ่มธุรกิจการค้าที่รับผิดชอบในการนำเข้าสินค้าแบรนด์ต่างๆ และร้านอาหารเข้ามาในห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าที่รับผิดชอบโดย บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (CRC) และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่รับผิดชอบในการก่อสร้างศูนย์การค้า โรงแรม อาคารสำนักงาน และที่อยู่อาศัย

การจัดโครงสร้างกลุ่มธุรกิจดังกล่าวเพื่อเพิ่มศักยภาพในการขยายธุรกิจของกลุ่ม โดยเฉพาะส่วนของพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่ทำให้ กลุ่มเซ็นทรัล มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว หลังจากปี 2549 ที่เดิมมีศูนย์การค้าเซ็นทรัล เพียง 9 แห่งในปี 2540 กับพื้นที่ค้าปลีกประมาณ 500,000 ตารางเมตร เป็น 22 แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด กับพื้นที่ค้าปลีกมากกว่า 3,252,200 ตารางเมตรในปี 2555

และในปี 2556-2560 บริษัทมีเป้าหมายที่จะสร้างศูนย์การค้าทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศเพิ่มอีก 12 แห่งมูลค่าเงินลงทุนไม่น้อยกว่า 5 หมื่นล้านบาท การขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการปรับโครงสร้างธุรกิจ แยกส่วนของอสังหาริมทรัพย์ออกมาต่างหาก ทำให้บริษัท สามารถที่จะระดมทุนได้ด้วยตัวเอง นับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 1 มีนาคม 2538 เป็นต้นมา นอกจากการระดมทุนในรูปของหุ้นผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว บริษัทยังนำเอาศูนย์การค้าแต่ละแห่งที่สร้างขึ้นมาและมีรายได้จากการเช่า มาจัดตั้งเป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นแหล่งทุนสำคัญที่รองรับกับการเติบโตของบริษัท โดยที่คงสัดส่วนหนี้ต่อทุนของบริษัทให้ไม่เกินอัตรา 2:1 โดยมีสัดส่วนหนี้ต่อทุนอยู่ที่ 1.75:1 ณ สิ้นสุดเดือนธันวาคม 2555

หลังจากวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 เป็นต้นมา กลุ่มเซ็นทรัล เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจค้าปลีก ด้วยแนวความคิดในการแยกการบริหารระหว่างส่วนที่การพัฒนาที่ดินออกจากการบริหารห้างสรรพสินค้า โดยให้แต่ละกลุ่มธุรกิจมีอิสระในการบริหารงานเป็นของตัวเอง ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์หลักของกลุ่มที่ต้องการจะขยายเครือข่ายและสาขาให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ในประเทศไทย และขยายเครือข่ายออกไปในต่างประเทศ เพื่อให้เกิดการประหยัดจากขนาด (economy of scale) และนำเอาเครื่องมือทางการเงินใหม่ๆ เข้ามาใช้เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้กับบริษัทเพื่อใช้ในการขยายงาน แทนการกู้เงินจากสถาบันการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเอารายได้ในอนาคตจากรายได้จากการเช่าพื้นที่ค้าปลีกของศูนย์การค้าแต่ละแห่งมาจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ทำให้สามารถระดมทุนผ่านการออกหน่วยลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์เพื่อนำมาใช้ในการขยายงาน

นอกเหนือจากการก่อสร้างศูนย์การค้าแล้ว บริษัทยังให้มุ่งพัฒนาโครงการที่สร้างรายได้จากการเช่าอย่างอาคารสำนักงาน รวมถึงบางทำเลยังพัฒนาที่อยู่อาศัยอย่างคอนโดมิเนียม เพื่อขายในพื้นที่ที่มีศักยภาพอาทิ ทำเลย่านบางนา และล่าสุดคือโครงการที่บางใหญ่ บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ ก็นำมาพัฒนาทั้งศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน และคอนโดมิเนียม ซึ่งการพัฒนาพื้นที่แต่ละแห่ง กอบชัย เคยให้สัมภาษณ์ว่า การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทไหนในแต่ละทำเลขึ้นอยู่กับโอกาสมากกว่า โดยเป้าหมายหลักของบริษัทคือการพัฒนาศูนย์การค้า แต่ถ้าทำเลมีศักยภาพที่จะพัฒนาเป็นอาคารสำนักงาน โรงแรม หรือที่อยู่อาศัย ก็จะพัฒนาไปตามความเหมาะสม โดยมีเป้าหมายให้บริษัทมีอัตราการเติบโตไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ต่อปี จากรายได้รวม 2.0125 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิ 6.188 พันล้านบาท ในปี 2555

ความสำเร็จในการขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมาของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เป็นผลมาจากการนำเอาบทเรียนจากวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 มาใช้ในการบริหารงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริหารหนี้และทุน ด้วยการนำเอาเครื่องมือทางการเงินที่ใช้รายได้ในอนาคตมาขยายกิจการผ่านกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เพื่อลดต้นทุนดอกเบี้ยและความเสี่ยงทางการเงิน มาบริหารจัดการให้บริษัทสามารถต่อยอดเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพและกลับมาเป็นผู้นำในตลาดค้าปลีกแซงหน้าคู่แข่งที่อยู่ในตลาดปัจจุบัน

วันอังคารที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

CPN แตกพาร์ +10.1% บุ๊คกำไรขายสินทรัพย์ ดันงบไตรมาส 3 พีคสุด



ข่าวหุ้น วันอังคารที่ 07 พฤษภาคม 2556

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ปิดเที่ยงที่ 55.75 บาท บวก 3.75 บาท หรือ 7.21% มูลค่าการซื้อขาย 230.80 ล้านบาท ทั้งนี้ ราคาหุ้น CPN แกว่งตัวขึ้นรอบนี้จากระดับราคา 48.75 บาท ขณะที่ตั้งแต่ต้นปีปรับตัวขึ้นแล้วกว่า 37% จากระดับราคา 40.63 บาท ในเชิงเทคนิคราคาหุ้นเข้าเขตซื้อมากเกินไป (RSI=77.36) ล่าสุดราคาหุ้น CPN ซื้อขายที่ระดับ P/E ที่ 36.61 เท่า และP/BV ที่ 8.94 เท่า 

ด้านข้อมูลจาก www.settrade.com ระบุว่า บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) จำนวน 3 แห่ง แนะนำ “ซื้อ” โดยให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 113.67 บาท

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์เมื่อวันที่ 3 พ.ค. ว่า คาดกำไรสุทธิ 1Q56 เติบโต 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากค่าเช่าเพิ่มขึ้นและเปิดโครงการใหม่ ผลประกอบการจะขยายตัวต่อเนื่องใน 2Q56 และ สูงสุดของปีในช่วง 3Q56 จากการบันทึกกำไรจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ CPN มีศักยภาพเติบโตยั่งยืนจากการปรับขึ้นค่าเช่า และ การเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น อุบลฯ เชียงใหม่ หาดใหญ่ เปิดปีนี้ สมุย ศาลายา เปิดปี 2557 และ Central Westgate บางใหญ่ เปิดปี 2558 เราคงคำแนะนำ ซื้อ  ให้ราคาเป้าหมาย (DCF) เท่ากับ 115 บาท 
(หลังแตกพาร์ราคาเป้าหมาย 57.50 บาท)

บล.กรุงศรีระบุในบทวิเคราะห์เมื่อวันที่ 3 พ.ค. ว่า ปรับเพิ่มคำแนะนำจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ” สำหรับ CPN และปรับเพิ่มมูลค่าพื้นฐานขึ้นจากเดิม 21% มาอยู่ที่ 121 บาท (DCF) จากมุมมองที่ดีขึ้นต่อโอกาสเติบโตในระยะยาว นอกจากนี้เราได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 57-58 ขึ้น 2%-3% สะท้อนแผนการเปิดศูนย์การค้าใหม่สองแห่ง คาดผลประกอบการ 1Q56 ยังเติบโตทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและจากไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่ 2H56 มีแผนนำศูนย์การค้าอีก 2 แห่งเข้ากองทุนรวมสิทธิการเช่า ยังเป็นปัจจัยสนับสนุนการลงทุนทั้งระยะสั้นถึงยาว

 CPN ปิดเย็น ที่ 57.25 บาท บวก 5.25 บาท หรือ 10.10 %

CPN เปิด 2 ​โปร​เจ็คใหม่ พร้อมเตรียมลุยอาเซียน มา​เล ​เซีย อิน​โดนี​เซีย ​และ​เวียดนาม


หนังสือพิมพ์​ไทย​โพสต์ -- ศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม 2556

CPN อัดงบกว่า 7,000 ล้านบาท ​เปิด 2 ​โปร​เจ็กต์ยักษ์ที่​เกาะสมุย​และศาลายา หวังรองรับ​การ​เติบ​โตของ​เศรษฐกิจ ​เล็งอีก 5 ปี บุกอา​เซียนมากขึ้น ตั้ง​เป้าสิ้นปีมีราย​ได้​โต 15%
นายกอบชัย จิราธิวิฒน์ กรรม​การ​ผู้จัด​การ​ใหญ่ บมจ.​เซ็นทรัลพัฒนา (ซีพี​เอ็น) ​เปิด​เผยว่า ยุทธศาสตร์บริษัทมี​แผน ลงทุน​เปิดศูนย์​การค้าปีละ 2-3 ​แห่ง ​ใช้งบลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท ล่าสุด​เตรียมงบลงทุน 7,000 ล้านบาท ​เพื่อก่อสร้างศูนย์​การค้า​ใน 2 ​แห่ง คือ​เกาะ สมุย​และศาลายา ​โดยที่​เกาะ สมุยนั้นจะสร้างศูนย์​การค้าภาย​ใต้​แบรนด์ "​เซ็นทรัล​เฟสติวัล สมุย" ​ใช้งบลงทุนกว่า 3,100 ล้านบาท ตั้งอยู่บนหาด​เฉวง พื้น ที่ 37 ​ไร่ คาดว่าจะ​เปิด​ให้บริ ​การ​ได้​ในช่วง​ไตรมาสที่ 1 ปี 2557 ​และมี​แผนขยาย​โครง​การ​เพิ่มขึ้น ​เพื่อจัด​ทำ​เป็น​โรง​แรมด้วยพื้นที่ประมาณ 2-3 ​ไร่ ​ซึ่ง​เจาะกลุ่ม​เป้าหมายนักท่อง​เที่ยวระดับบน (​ไฮ​เอนด์) ​ทั้งชาว​ไทย​และต่างชาติ
 
นายกอบชัย กล่าวว่า สำ หรับ​โครง​การ "​เซ็นทรัลพลาซา ศาลายา" ​ใช้​เงินลงทุนกว่า 3,900 ล้านบาท บนพื้นที่ 70 ​ไร่ สามารถจอดรถ​ได้​ถึง 2,000 คัน ​ซึ่ง​โครง​การดังกล่าวสามารถรอง รับ​การขยายตัวของ​เศรษฐกิจที่กำลังมี​การขยายตัวสู่ชาน​เมือง รวม​ถึง​การ​เติบ​โตทางด้าน​เศรษฐ กิจของจังหวัดนครปฐมที่มีตัว ​เลขที่สูงมาก มีประชากรที่ค่อนข้างมีฐานะอาศัยอยู่จำนวนมาก คาดว่าจะ​แล้ว​เสร็จพร้อม​เปิด​ให้บริ​การ​ได้​ใน​ไตรมาสที่ 3 ของปีหน้า ​และคาดว่าจะมีลูกค้ามา​ใช้บริ​การ​ไม่ต่ำกว่า 60,000 คนต่อวัน นอกจากนี้ยังมี​แผนที่จะขยาย​โครง​การอีก 4 ​เฟส ​เพื่อรองรับ​การขยาย​การ​เติบ​โตของชุมชน​ในอนาคตอีกด้วย
อย่าง​ไร​ก็ตาม ภาย​ในอีก 5 ปีข้างหน้า บริษัทมี​แผนที่จะ ​เปิดศูนย์​การค้า​ในกลุ่มประ​เทศอา​เซียนอีก 2-3 ​แห่ง คือ มา​เล ​เซีย อิน​โดนี​เซีย ​และ​เวียดนาม ​ซึ่งทางบริษัทฯ มอง​เห็น​ถึงศักย ภาพอำนาจ​และประมาณ​ใน ​การซื้อของประชากร​ในประ ​เทศ​เหล่านี้มีอัตราที่สูง ​ซึ่งปัจจุ บันบริษัทมีศูนย์​การค้ากระจายอยู่ภาย​ในประ​เทศ​ทั้งสิ้น 10 จัง หวัด ​ในอนาคต​ก็มี​แผนที่จะขายต่อ​ไปอีก ​โดย​ในปี 2556 ตั้ง​เป้าราย​ได้​โตจากปีที่ผ่านมา 15%

นายกอบชัย กล่าว​ถึงกรณีพื้นที่สวนลุมพินี ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่าง​การปรับ​แผน ที่จะ​เสนอ​โครง​การ​ในช่วง​เดือน ส.ค.นี้ ส่วนผลจะ​เป็นอย่าง​ไรขึ้นอยู่กับ​เจ้าของพื้นที่ จะมี​ความสน​ใจ​ใน​โครง​การที่ทางบริษัทฯ ​เสนอ​ไปมากน้อย​เพียง​ใด ​แต่หากบริษัทฯ ​ได้พื้นที่​ในส่วนนี้ จะนับ​ได้ว่า​เป็น​โครง​การของซีพี​เอ็นที่​ใหญ่ที่สุด.

CPN เปิด​โครง 2 ​การยักษ์ ​เซ็นทรัล​เฟสติวัล สมุย ​และ ​เซ็นทรัลพลาซา ศาลายา มูลค่ากว่า 7,000 ล้าน


ThaiPR.net -- พฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม 2556


วันนี้ บริษัท ​เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ​หรือ ซีพี​เอ็น ประกาศ “ก้าว​ใหม่ของซีพี​เอ็น” ​ในฐานะที่​เป็นองค์กรที่นำ​การขับ​เคลื่อน​เศรษฐกิจสำคัญของ​ไทย ​ซึ่งครั้งนี้ซีพี​เอ็น​เล็ง​เห็น​โอกาสทางธุรกิจ ประกาศ​การลงทุนบิ๊ก​โปร​เจค 2 ​โครง​การ​ใหม่มูลค่ารวมกว่า 7,000 ล้านบาท บน​โล​เคชั่นที่ดีที่สุดของประ​เทศ 2 ​แห่ง คือ ​เกาะสมุย ​ซึ่ง​เป็น​แหล่งท่อง​เที่ยวระดับ​โลกของ​ไทย กับ​โครง​การ “​เซ็นทรัล​เฟสติวัล สมุย” ​และอีก​โครง​การ คือ “​เซ็นทรัลพลาซา ศาลายา” บน​ทำ​เลศักยภาพสูง​แห่งอนาคตของกรุง​เทพฯ ​และปริมณฑลฝั่งตะวันตก พร้อมสร้างจุด​เปลี่ยนครั้ง​ใหม่ด้วย​การนำนวัตกรรม​การพัฒนาศูนย์​การค้า มาสร้างมูลค่า​เพิ่ม สร้าง​ความ​แตกต่าง​ให้กับตลาดรี​เทลของประ​เทศ​ไทยกับครั้ง​แรกของ​การ พัฒนาศูนย์​การค้า​ในรูป​แบบ Theme Mall ระดับ​โลกที่มี​ความครบครัน​และสมบูรณ์​แบบที่สุด ​ใน​ทำ​เลศักยภาพสูงของประ​เทศ ​เพื่อ​ให้ศูนย์​การค้า​เป็น Recreation Place ​ให้คนสามารถมาพักผ่อน ​ใช้ชีวิต​ในศูนย์​การค้า สามารถมา​เติม​เต็ม​ความสุขของ​การ​ใช้ชีวิต

คุณกอบชัย จิราธิวัฒน์ กรรม​การ​ผู้จัด​การ​ใหญ่ ของซีพี​เอ็น กล่าวว่า “​การก้าว​ไปข้างหน้า​แต่ละครั้งของซีพี​เอ็นจะต้อง​เป็นก้าวที่สำคัญ​และ สร้าง​ความยิ่ง​ใหญ่ ​ซึ่งครั้งนี้​เรา​เล็ง​เห็น​โอกาสทางธุรกิจบน​โล​เคชั่นที่ดีที่สุด 2 ​แห่งของประ​เทศ ที่มีศักยภาพสูง ​ทั้ง​การขยายตัวของ​เมือง ​และกลุ่ม​เป้าหมายกำลังซื้อสูง ​ซึ่งจะ​เป็น​โอกาส​ใน​การสร้าง​การ​เติบ​โต​ให้กับธุรกิจ​ได้อย่างก้าวกระ​ โดด ​ซึ่งถือ​เป็นกลยุทธ์สำคัญที่ซีพี​เอ็นจะต้องช่วงชิง​โอกาส​ใน​การ​เปิด ศูนย์​การค้า​ใน​ทำ​เลสำคัญของประ​เทศก่อน​ใคร นอกจากนี้อีกก้าว​ใหม่ของซีพี​เอ็น คือ ​การนำนวัตกรรม​การพัฒนาศูนย์​การค้ามาสร้างมูลค่า​เพิ่ม​ให้​แตกต่าง ​ซึ่ง​ในอนาคตศูนย์​การค้าของซีพี​เอ็นทุก​แห่ง จะมีรูป​แบบ​ใหม่ที่ต่างกัน​ไปทุกที่ ​เพื่อ​เป็น​การสร้างประสบ​การณ์​ใหม่ๆ ​เติม​เต็ม​ไลฟ์ส​ไตล์​การ​ใช้ชีวิต​ให้​ผู้บริ​โภคยุค​ใหม่มี​ความสุขยิ่งๆ ขึ้น”
​การพัฒนา​โครง​การ ​เซ็นทรัล​เฟสติวัล สมุย ถือ​เป็น​การช่วงชิง​โอกาสทางธุรกิจครั้งสำคัญของซีพี​เอ็น บน​ทำ​เลที่ดีที่สุด​แห่งหนึ่งของประ​เทศ ​เพราะ​เกาะสมุย ​เป็น Beach Destination ระดับ​โลกของ​ไทย ที่มี​การ​เติบ​โตทาง​เศรษฐกิจสูง​ในทุกด้าน ​การพัฒนา​โครง​การ ​เซ็นทรัล​เฟสติวัล สมุย จะ​เป็น​การ​เข้า​ไปต่อยอด​ความยิ่ง​ใหญ่ ​และสร้าง​การ​เติบ​โตอย่างก้าวกระ​โดด​ให้กับ​เกาะสมุย ที่มี​เทรนด์​การ​เติบ​โตของ​เศรษฐกิจ​เพิ่มขึ้นทุกปี ​ทั้งตัว​เลขนักท่อง​เที่ยว​ซึ่งส่วน​ใหญ่จะ​เป็นนักท่อง​เที่ยวจากประ​เทศ​ ใน​แถบยุ​โรป ออส​เตร​เลีย รัส​เซีย ​และจีนที่มีกำลังซื้อสูง นอกจากนี้ ​เกาะสมุยยังมี​การ​เติบ​โตของ​การพัฒนา​โครง​การที่อยู่อาศัยสำหรับ​เป็น บ้านพักตากอากาศสำหรับชาว​ไทย​และชาวต่างชาติ ​ทั้ง​โครง​การคอน​โดมิ​เนียมที่มีราคาตั้ง​แต่ระดับ 1 ล้านบาทขึ้น​ไป จน​ถึง Luxury Villa ที่มีราคาสูงกว่า 60 ล้านบาท

เซ็นทรัล​เฟสติวัล สมุย มีมูลค่า​การลงทุนกว่า 3,100 ล้านบาท ตั้งอยู่บน​ทำ​เลดีที่สุดบนหาด​เฉวง ​ซึ่ง​เป็น​แหล่งท่อง​เที่ยวยอดนิยม​และ​เป็นย่าน​เศรษฐกิจหลักของสมุย ที่มี​โรง​แรมชั้นนำอยู่รายรอบ ที่ตั้ง​โครง​การห่างจากสนามบิน ​เพียง 5 นาที ​และ 20 นาทีจากท่า​เรือ ​โครง​การตั้งอยู่บนที่ดินกว่า 37 ​ไร่ ขนาด​โครง​การ 90,000 ตร.ม. ​โครง​การนี้จะ​เป็นต้น​แบบ Theme Mall ​แห่ง​แรกของซีพี​เอ็น ที่มี​ความ​โดด​เด่นด้านดี​ไซน์​การออก​แบบระดับ​โลก ​ให้บรรยากาศ​การช้อปปิ้ง​ในส​ไตล์รีสอร์ท​ในคอน​เซ็ปต์ “Reminiscence of Southern Lifestyle” สอดรับกับ​ความ​เป็น​เมืองท่อง​เที่ยวระดับ​โลก สามารถรับอรรถรส​ใน​การช้อปปิ้ง​ไปพร้อมๆ กับ​การพักผ่อน ที่นี่จะ​เป็น​แลนด์มาร์ค​แห่ง​ใหม่ของสมุย ​เพื่อรองรับนักท่อง​เที่ยว ​ซึ่งมีจุด​เด่นที่มาตรฐาน​โครง​การระดับ​เวิลด์คลาส พร้อมด้วยสุดยอดสินค้า​และบริ​การตอบ​โจทย์นักท่อง​เที่ยว​ได้ครบครัน

​เซ็นทรัล​เฟสติวัล สมุย มีห้างสรรพสินค้า​เซ็นทรัล พร้อมด้วย Tops, PowerBuy, SuperSports, ​และ B2S ​เป็น Anchor หลัก ​เป็นศูนย์รวมร้านค้า​แบรนด์ชั้นนำ​ทั้ง​ไทย​และอิน​เตอร์กว่า 200 ร้านค้า มี​แบรนด์​แฟชั่นระดับ​โลก ​และ Night Bazaar รองรับนักท่อง​เที่ยว นอกจากนี้ ที่นี่จะ​เป็น Dining Destination ​แห่ง​ใหม่ที่รวมร้านอาหารหลากหลายรูป​แบบที่ตอบสนองทุก​ไลฟ์ส​ไตล์ ​เพียบพร้อมด้วย​เอน​เตอร์​เทน​เมนต์ ​โรงภาพยนตร์ ที่ทันสมัย ​และจะ​เป็นศูนย์กลาง​ใน​การจัดกิจกรรมระดับประ​เทศ ​เพื่อ​เป็น​การสนับสนุนส่ง​เสริม​การท่อง​เที่ยว ดึงนักท่อง​เที่ยวมาที่สมุยอย่างต่อ​เนื่อง มีกำหนด​เปิด​ใน​ไตรมาส 1 ปี 2557 ​และ​เมื่อ​เปิด​ให้บริ​การคาดว่า จะมี Traffic ต่อวันกว่า 35,000 คน

ด้าน ​เซ็นทรัลพลาซา ศาลายา มีมูลค่า​โครง​การกว่า 3,900 ล้าน มีพื้นที่​โครง​การขนาด 180,000 ตร.ม. บนพื้นที่​ใหญ่ 70 ​ไร่ บนถนนบรมราชชนนี ขนาด10 ​เลน บริ​เวณศาลายา ระหว่างถนนพุทธมณฑลสาย 5 ​และ 7 ​ซึ่งจะรองรับ​การขยายตัวของกรุง​เทพฯ ​และปริมณฑล ฝั่งตะวันตก ​ซึ่ง​เป็นศูนย์กลางที่อยู่อาศัยที่มี​ความหนา​แน่นสูง​ในปัจจุบัน ​เป็นศูนย์กลาง​การศึกษา ​แหล่งรวมคนรุ่น​ใหม่ ที่มีกำลังซื้อสูง ​และมี​แนว​โน้ม​การขยายตัวของ​เศรษฐกิจ​ในอนาคตจาก​แผนพัฒนา​เขต​เศรษฐกิจ​ ใหม่ รวม​ถึง​การขยาย​โครงข่ายคมนาคม​ในอนาคต นอกจากนี้ ที่นี่จะ​เป็นศูนย์​การค้าหลักที่รองรับกำลังซื้อของคน​ในจังหวัดนครปฐม ​เซ็นทรัลพลาซา ศาลายา จะ​เป็นศูนย์​การค้าขนาด​ใหญ่​ในรูป​แบบ “Theme Mall” ​แห่ง​แรก ที่มีสวน​โบทานิคประดับด้วยพรรณ​ไม้นานาชนิด ​ทั้ง​แนวราบ​และ​แนวดิ่ง ทั่ว​ทั้งศูนย์​การค้า ​โดด​เด่นด้วยดอกกล้วย​ไม้หลากพันธุ์​ซึ่ง​เป็น​เอกลักษณ์ของที่นี่ ภาย​ใต้​แนวคิด “Contemporary Botanical” นำบรรยากาศ Outdoor ​เข้า​ไป​ไว้​ในศูนย์​การค้า ​ให้บรรยากาศ​เหมือน​เดินช้อปปิ้งอยู่​ในสวน ​โดย มีกำหนด​เปิประมาณ​ไตรมาส 3 ปี 2557 ​และ​เมื่อ​เปิด​ให้บริ​การ​เราคาดว่า จะมี Traffic ต่อวันกว่า 60,000 คน

คุณยุวดี จิราธิวัฒน์ กรรม​การ​ผู้จัด​การ​ใหญ่ บริษัท สรรพสินค้า​เซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า “สำหรับ​โปร​เจ็ค​การ​เปิด​โครง​การ ​เซ็นทรัล​เฟสติวัล สมุย ​และ ​เซ็นทรัลพลาซา ศาลายา ทางห้างสรรพสินค้า​เซ็นทรัล​เอง มี​ความพร้อม​ใน​เรื่องของ​การคัดสรรสินค้า​และบริ​การที่ดี​และทันสมัยที่ สุด ​เพื่อตอบสนองทุก​ความต้อง​การของลูกค้าที่​แตกต่างกันของ 2 สาขา สำหรับสาขาสมุยนั้น มีพื้นที่ประมาณ 8,000 ตาราง​เมตร ถูกออก​แบบ​และตก​แต่งหน้าร้าน​ให้มี​ความ​โดด​เด่น​และทันสมัย ​เน้น​ความสด​ใส​และมีชีวิตชีวา ​เพื่อ​ให้​เข้ากับคอน​เซ็ปต์หลักของศูนย์​การค้าที่มี​การตก​แต่ง​ใน บรรยากาศ รีสอร์ทระดับ​โลก ​ให้ลูกค้าสัมผัส​ได้​ถึง​ความสะดวกสบาย​ในบรรยากาศ​แห่ง​การพักผ่อน กลุ่ม​เป้าหมายหลักคือกลุ่มนักท่อง​เที่ยวชาวต่างชาติ รวม​ถึงนักท่อง​เที่ยวชาว​ไทย​และคน​ในพื้นที่ ส่วนสาขาศาลายามีพื้นที่ประมาณ 24,000 ตาราง​เมตร มี​ทั้งหมด 4 ชั้น ​ซึ่งลูกค้ากลุ่ม​เป้าหมายของสาขานี้ ​เป็นกลุ่มครอบครัวรุ่น​ใหม่ กลุ่มวัย​ทำงาน​และกลุ่มวัยรุ่น ​โดยพื้นที่รอบๆ ห้างดังกล่าว ถือ​เป็น​ทำ​เลที่มีศักยภาพ​ใน​การ​เจริญ​เติบ​โตของ​เศรษฐกิจสูง มี​โครง​การที่อยู่อาศัย​ในระดับ A ​และ B+ จำนวนมาก รวม​ถึงสถานศึกษาชั้นนำอย่าง มหาวิทยาลัยมหิดล ​และมหาวิทยาลัย​เทค​โน​โลยีราชมงคล”

ทั้งนี้ ซีพี​เอ็นมองว่าจากนี้​ไป​เศรษฐกิจ​และ​การบริ​โภคของ​ไทยจะดีขึ้น รวม​ถึง​แนว​โน้มธุรกิจค้าปลีกมีสัญญาณที่ดีขึ้น​เรื่อยๆ ​เนื่องจากมีปัจจัย​เกื้อหนุน​ให้ธุรกิจขยายตัวหลายด้าน ​โดยซีพี​เอ็นมี​แผนขยายธุรกิจต่อ​เนื่องทุกปี ด้วย​เม็ด​เงินลงทุน​ไม่ต่ำกว่าปีละ 10,000 ล้านบาท ​เพื่อขยายธุรกิจ​ให้​โต​แบบก้าวกระ​โดด ​เสริม​ความ​แข็ง​แกร่งขององค์กร ​โดยคาดว่าปีนี้บริษัทจะมีราย​ได้​เติบ​โตประมาณ 15% ​เมื่อ​เทียบกับปี 2555